Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
วิวัฒนาการกฎหมายครูในประเทศไทย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Evolution of teacher laws in Thailand
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
สวัสดิ์ จงกล
Second Advisor
ลิ้นจี่ หะวานนท์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
บริหารการศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.144
Abstract
วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาถึงวิวัฒนาการของกฎหมายครูแต่ละฉบับ 2. เพื่อศึกษาผลกระทบของกฎหมายครูที่มีต่อสถานภาพครู 3. เพื่อศึกษาแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทางกฏหมายของครูในอนาคต วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยเรื่องนี้ ใช้วิธีการวิจัยเชิงประวัติศาสตร์หรือการวิจัยเอกสารและเสนอรายงานแบบพรรณนาวิเคราะห์ (analytical description) และการวิพากษ์วิจารณ์ (criticism) โดยศึกษากฏหมายฉบับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับครู พระบรมราชโองการ ประกาศ ระเบียบ บันทึกข้อความ ชุมนุมพระราชนิพนธ์ หน้งสืออ้างอิง วิทยานิพนธ์ วารสาร รายงานประจำปี หนังสือพิมพ์ ฯลฯ จากแหล่งข้อมูล หอสมุดแห่งชาติ ห้องสมุดมหาวิทยาลัยต่างๆ ห้องสมุดกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่นๆ และสัมภาษณ์บุคคลที่เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารการศึกษาระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับกฏหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องกับครู ผลการวิจัย วิวัฒนาการกฎหมายครูในประเทศไทยอาจสรุปได้ดังนี้ 1. สมัยที่ไม่มีกฎหมายรับรอง การศึกษาในสังคมไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ลานนาไทย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มาจนถึงสมัยการปฏิรูปการศึกษาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการวิจัยครั้งนี้ เรียกว่าเป็นการศึกษาตามแบบ “โบราณศึกษา" อาชีพครูมิได้เป็นอาชีพอันแท้จริง ไม่มีอาชีพครู เป็นเพียงการสั่งสอนในทางศีลธรรม สถานศึกษาสำหรับประชาชนนั้นจำกัดอยู่เพียงในวัด ในวัง ในสำนักอาจารย์ อาจมีการฝึกฝนอาชีพบางอย่าง ก็เป็นเพียงดำเนินรอยตามบรรพบุรุษซึ่งจะถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ผู้สอนส่วนใหญ่เป็นพระภิกษุตามวัดต่างๆ เป็นผู้ให้การอบรมสั่งสอน ผู้สอนมิได้รับค่าจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนแต่ประการใด แม้จะมีผลประโยชน์ตอบแทนบ้างก็เป็นเพียงความพึงพอใจจากศิษย์ที่จะมอบให้ ครูเป็นผุ้มีคุณธรรม มีความรู้ แต่ในทางสังคมนั้น ได้เกิดสถาบันครูขึ้น นอกเหนือจากสถาบันศาสนาและครอบครัว โดยถือว่าการสอนและผู้สอนเป็นครูคล้ายกับสถาบันศาสนา เกิดความเคารพนับถือ รักใคร่ เคารพครู ความเป็นครูของไทยนั้นเริ่มจากคุณงามความดีที่มิได้มีค่าจ้างรางวัลเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนคุณธรรมเหล่านี้ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเมื่อทรงประกาศตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและโปรดเกล้าฯให้ข้าราชการในกรมพระอาลักษณ์เป็นครูสอน โดยพระราชทานเงินให้พอใช้จ่ายนั้น อาจถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการจ้างครูขึ้นเป็นครั้งแรก เกิดจรรยาบรรณครูขึ้น โดยทรงกำชับให้ครูผู้สอน สอนโดยอาการเรียบร้อย มิให้ตี ด่า หยาบคาย ในด้านการจัดการศึกษาสำหรับทวยราษฏร์ พระราชทานเงินเดือนๆ ละ 6 บาทแก่ครูผู้สอนซึ่งเป็นพระภิกษุ หรือฆราวาส มีการตั้งงบประมาณในกระทรวงศึกษาธิการเพื่อจ้างครู แต่ก็ยังไม่มีระเบียบอันชัดเจนสำหรับผู้ประกอบอาชีพครู คงเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครูที่สอนในโรงเรียนมัธยม สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ก็มีสถานภาพเป็นข้าราชการเช่นเดียวกัน เพราะยังไม่มีกฏหมายโดยเฉพาะอาจอนุโลมได้ว่า คำสั่งก็ดี พระราชดำรัสก็ดี พระบรมราชโองการใดๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ล้วนเป็นกฎหมายทั้งสิ้น เพราะเป็นการปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์คำสั่งต่างๆ ของพระเจ้าแผ่นดินย่อมเป็นเสมือนกฏหมาย หากแต่มิได้เป็นลายลักษณ์อักษรหรือกำหนดสิทธิ หน้าที่ ของครูไว้แต่ประการใด แต่สิ่งที่เกิดมาแล้วตั้งแต่ตอนต้นคือ เกิดสถาบันครูในลักษณะนามธรรม การอบรมสั่งสอนโดยครู โดยพระสงฆ์ เป็นสถาบันหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากสังคม นอกเหนือไปจากสถาบันศาสนาและครอบครัว 2. ครูสมัยเมื่อเป็นข้าราชการพลเรือน ในปี พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน นับเป็นกฎหมายที่มีผลต่อสถานภาพของข้าราชการทั่วไป รวมทั้งข้าราชการครูที่สอนประจำอยู่ในโรงเรียนรัฐบาล แต่มิได้รวมไปถึงครูในโรงเรียนประชาภิบาลที่นายอำเภอหรือประชาชนจัดตั้ง ซึ่งยังคงรับค่าจ้างจากเงินศึกษาพลี อันเป็นเงินที่เก็บจากประชาชนและยังไม่มีสิทธิตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2471 แต่อย่างใด จึงกล่าวได้ว่าอาชีพครูในขณะนั้นต่างก็เป็นข้าราชการฝ่ายพลเรือนตามพระราชบัญญัติด้วยกันทั้งหมด มีสิทธิต่างๆ เช่นเดียวกันกับข้าราชการฝ่ายอื่นๆ โดยทั่วไป มิสิทธิและหน้าที่เสมอหน้ากันหมดโดยสรุปตั้งแต่ พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา ข้าราชการครูในความหมายตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2523 มีกฎหมายของตัวเองแยกออกมาดำเนินการลักษณะวิชาชีพพิเศษ ตามลักษณะและความต้องการของครูที่มีความต้องการให้ครูปกครองกันเอง แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายครูในอนาคตนั้น คุรุสภาได้พยายามดำเนินการออกใบอนุญาตประกอบอาชีพครู โดยดำเนินการจัดตั้งหน่วยมาตรฐานวิชาชีพครู เพื่อทำหน้าที่วางแผนหามาตรการในการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพครู โดยการออกใบอนุญาตประกอบอาชีพครูให้แก่ผู้มีคุณสมบัติเกณฑ์ที่คุรุสภาจะได้กำหนด และมีอำนาจในการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบมวิชาชีพ ในกรณีที่ผู้ประกอบวิชาชีพครูมีความบกพร่องนำความเสื่อมเสียมาสู่วงการวิชาชีพ กล่าวได้ว่า ถ้าการดำเนินการนี้สำเร็จ อาชีพครูซึ่งเป็นวิชาชีพสำคัญก็คงจะได้รับการสนับสนุน พัฒนา ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก จึงเห็นได้ว่าขั้นตอนของการวิวัฒนาการของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับครูว่า เริ่มต้นจากการที่มิได้มีกฎหมายรับรองคุ้มครอง มาเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับการรับรองคุ้มครองโดยลักษณะของกฎหมายที่มิได้เป็นลายลักษณ์อักษร ไปสู่ความเป็นข้าราชการครู โดยมีพระราชบัญญัติคุ้มครองควบคุมองค์กรของอาชีพครูอย่างเป็นอิสระตามลำดับ
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
เม่นแย้ม, สมยศ, "วิวัฒนาการกฎหมายครูในประเทศไทย" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48441.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48441