Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การใช้วิทยานิพนธ์ทางบรรณารักษศาสตร์ ของผู้บริหารห้องสมุดมหาวิทยาลัย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Use of library science theses of The University Library Administrators

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

ประภาวดี สืบสนธิ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.671

Abstract

ศึกษาถึงการใช้ ผลวิจัยจากวิทยานิพนธ์ทางบรรณารักษศาสตร์ของผู้บริหารห้องสมุดมหาวิทยาลัยในด้านปริมาณและขอบเขตเรื่องที่ใช้ วัตถุประสงค์ของการใช้ ประโยชน์ที่ได้รับ ความต้องการใช้วิทยานิพนธ์ และปัญหาในการใช้ ในการดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยได้แจกแบบสอบถามจำนวน 184 ชุด แก่ผู้บริหารห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่ทำงานในหอสมุดกลาง ห้องสมุดวิทยาเขต และห้องสมุดคณะที่อยู่ในสังกัดของมหาวิทยาลัย 14 แห่ง ผู้บริหารประกอบด้วย ผู้อำนวยการและ/หรือหัวหน้าห้องสมุด บรรณารักษ์ หัวหน้าฝ่าย และผู้ที่เป็นทั้งหัวหน้าห้องสมุดและหัวหน้าฝ่าย ได้แบบสอบถามคืนมา 167 ชุด หรือ 90.75% ของแบบสอบถามที่ส่งออกไปทั้งหมด ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ เกี่ยวกับลักษณะของผู้ตอบแบบสอบถาม ปรากฏวาเป็นผู้อำนวยการและ/หรือหัวหน้า ห้องสมุด 30 คน บรรณารักษ์หัวหน้าฝ่าย 89 คน เป็นทั้งหัวหน้าห้องสมุดและหัวหน้าฝ่าย 48 คน ผู้บริหารเหล่านี้มีคุณวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี 5 คน ปริญญาตรี 82 คน ปริญญาโท 75 คน และสูงกว่าปริญญาโท 5 คน ผู้ตอบแบบสอบถามมีช่วงเวลาการทำงานในตำแหน่งผู้บริหารระหว่าง 1-5 ปี มากที่สุดคือ 69 คนจากจำนวนผู้ตอบ 112 คน ผู้บริหารดังกล่าวส่วนใหญ่ทำงานในมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เป็นแหล่งผลิตวิทยานิพนธ์บรรณารักษศาสตร์ คือ 135 คนจากจำนวนทั้งหมด 167 คน นอกจากนี้ ผู้บริหารส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างการศึกษาต่อ โดยมีผู้ที่อยู่ระหว่างการศึกษาต่อเพียง 16 คน ในจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 167 คนนี้ เป็นผู้ที่เคยใช้วิทยานิพนธ์บรรณารักษศาสตร์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาเพียง 86 คน หรือ 51.5% ของผู้ตอบทั้งหมด เมื่อศึกษาความสัมพันธ์ของผู้ที่เคยใช้และยังไม่เคยใช้วิทยานิพนธ์ ปรากฏว่าคุณวุฒิ ตำแหน่งและประเภทงานที่รับผิดชอบ และสถานที่ทำงาน ซึ่งแบ่งตามมหาวิทยาลัยที่เป็นแหล่งผลิตและไม่ได้เป็นแหล่งผลิตวิทยานิพนธ์บรรณารักษศาสตร์ มีความสัมพันธ์ต่อการใช้วิทยานิพนธ์ของผู้บริหาร (p< 0.01 หรือ 0.05) นั่นคือ ผู้บริหารที่มีวุฒิปริญญาโทเป็นผู้ใช้วิทยานิพนธ์สูงกว่าผู้ที่ยังไม่เคยใช้ (51/24 คน) ผู้บริหารที่มีวุฒิปริญญาตรีเป็นผู้ใช้น้อยกว่าผู้ที่ยังไม่เคยใช้ (30/52 คน) ในขณะที่ผู้บริหารที่มีวุฒิสูงกว่าปริญญาโทใช้วิทยานิพนธ์ทุกคน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างวุฒิของผู้บริหารกับการใช้วิทยานิพนธ์ ในด้านตำแหน่งและประเภทงานที่รับผิดชอบ ผู้อำนวยการและ/หรือหัวหน้าห้องสมุดเป็นผู้ใช้วิทยานิพนธ์สูงกว่าผู้ยังไม่เคยใช้ (21/9 คน) ในขณะที่บรรณารักษ์หัวหน้าฝ่ายเป็นผู้ใช้และที่ยังไม่เคยใช้ อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน คือ 47/42 คน ส่วนผู้บริหารที่เป็นทั้งหัวหน้าห้องสมุดและหัวหน้าฝ่ายเป็นผู้ที่ยังไม่เคยใช้วิทยานิพนธ์สูงกว่าผู้ใช้ (30/18 คน) ในด้านสถานที่ทำงานผู้บริหารที่ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เป็นแหล่งผลิตวิทยานิพนธ์บรรณารักษศาสตร์เป็นผู้ที่ยังไม่เคยใช้วิทยานิพนธ์สูงกว่าผู้ใช้วิทยานิพนธ์ที่ทำงานในมหาวิทยาลัยที่เป็นแหล่งผลิตวิทยานิพนธ์บรรณารักษ์ศาสตร์ ส่วนการศึกษาความสัมพันธ์ของการเคยใช้และยังไม่เคยใช้วิทยานิพนธ์ตามระยะเวลา การทำงาน (ปี) ในตำแหน่งผู้บริหารนั้น ปรากฏว่าระยะเวลาการทำงานไม่มีความสัมพันธ์ต่อการใช้วิทยานิพนธ์ของผู้บริหาร (p>0.05) นั่นคือ ผู้บริหารทุกกลุ่มที่มี่ช่วงเวลาทำงานตั้งแต่ 6-34 ปีขึ้นไปเป็นผู้ใช้วิทยานิพนธ์สูงกว่าผู้ที่ยังไม่เคยใช้ (29/14 คน) ยกเว้นผู้บริหารที่มีช่วงเวลาการทำงานระหว่าง 1-5 ปีมีจำนวนผู้ใช้และที่ยังไม่เคยใช้ วิทยานิพนธ์อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน (34/35 คน) สำหรับผู้บริหารที่ใช้วิทยานิพนธ์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา จากการศึกษาปริมาณครั้งและเล่ม ที่ใช้โดยเฉลี่ย จำแนกตามคุณวุฒิ ระยะเวลาการทำงาน สถานที่ทำงาน ตำแหน่งและประเภทงานที่รับผิดชอบ และสถานภาพการศึกษา ผลปรากฏว่าผู้บริหารที่ใช้วิทยานิพนธ์มากครั้งและมากเล่มกว่าผู้บริหารกลุ่มอื่นๆ คือ ผู้บริหารที่ดำรงตำแหน่งเป็นทั้งหัวหน้าห้องสมุดและหัวหน้าฝ่าย เป็นผู้ที่มีช่วงเวลาการทำงานระหว่าง 16-20 ปี และเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างการศึกษาต่อ ส่วนผู้บริหารที่ที่มีวุฒิสูงกว่าปริญญาโทมีปริมาณการใช้วิทยานิพนธ์มากเล่มกว่าผู้บริหารที่มีวุฒิปริญญาโทและปริญญาตรี แต่ปริมาณครั้งของการใช้น้อยกว่า ส่วนผู้บริหารที่มีวุฒิปริญญาโทมีปริมาณครั้งของการใช้ไม่ต่างจากผู้บริหารที่มีวุฒิปริญญาตรีมากนัก แต่จำนวนเล่มที่ใช้น้อยกวา ในด้านสถานที่ทำงาน ผู้บริหารที่ทำงานในมหาวิทยาลัยที่เป็นแหล่งผลิตวิทยานิพนธ์บรรณารักษ์ศาสตร์ มีปริมาณการใช้วิทยานิพนธ์มากครั้งกว่าผู้บริหารที่ทำงานในมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เป็นแหล่งผลิตวิทยานิพนธ์บรรณารักษศาสตร์ แต่ปริมาณเล่มของการใช้น้อยกว่า เกี่ยวกับการศึกษาขอบเขตเนื้อหาวิทยานิพนธ์ที่ใช้ ปรากฏว่าไม่มีความสัมพันธ์กับงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ (P > 0.05) นั่นคือ ผู้บริหารทุกกลุ่มใช้วิทยานิพนธ์ด้านการบริการมากที่สุด รองลงมาได้แก่ด้านการบริหารงานห้องสมุด ด้านเทคนิค การบริหารงานบุคลากร และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับห้องสมุดตามลำดับ เกี่ยวกับส่วนต่างๆของวิทยานิพนธ์ที่ใช้นั้น ส่วนของวิทยานิพนธ์ที่มีการใช้มาก คือบทสรุปและอภิปรายผล ข้อเสนอแนะ และบทคัดย่อ ส่วนประโยชน์ที่ได้รับจาการใช้สอดคล้องกับระดับการใช้คือ ส่วนใดที่มีการใช้มาก ประโยชน์ที่ได้รับอยู่ในระดับมากเช่นกัน สำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้วิทยานิพนธ์ของผู้บริหารนั้น ผู้บริหารที่อยู่ระหว่างการศึกษาต่อมีวัตถุประสงค์การใช้วิทยานิพนธ์ในงานบริหาร เพราะเห็นความสำคัญของวิทยานิพนธ์ในการประยุกต์ช่วยงานห้องสมุดมากที่สุด ในขณะที่ผู้บริหารที่ไม่ได้ศึกษาต่อใช้เพราะมีเรื่องราวตรงกับงานที่รับผิดชอบอยู่มากที่สุด ส่วนวัตถุประสงค์การใช้วิทยานิพนธ์เพื่องานวิชาการนั้น ทั้งผู้บริหารที่อยู่ระหว่างการศึกษาต่อและไม่ได้ศึกษาต่อ มีวัตถุประสงค์การใช้วิทยานิพนธ์เพื่อหาความก้าวหน้าทางวิชาการมากที่สุด ในด้านประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้นั้น ผู้บริหารได้รับประโยชน์ในการเพิ่มพูนความรู้ในงานที่ตนรับผิดชอบอยู่ และเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการทั่วๆไปในระดับมาก เกี่ยวกับปัญหาของผู้ใช้วิทยานิพนธ์ ซึ่งมีปัญหาที่เกิดจากตัวเล่มวิทยานิพนธ์ และจากการเข้าถึงตัวเล่มวิทยานิพนธ์ จากการศึกษาปัญหาการใช้อันเกิดจากตัวเล่มวิทยานิพนธ์จำแนกตาม คุณวุฒิ ตำแหน่งและประเภทงานที่รับผิดชอบ ปรากฏว่าผู้บริหารทุกกลุ่มประสบปัญหาการใช้ อันเนื่องจากไม่มีเวลาค้นหาความรู้เพิ่มเติม เพราะต้องอุทิศเวลาให้กับงานที่รับผิดชอบอยู่ และวิทยานิพนธ์ เรื่องที่มีอยู่ไม่ตรงกับความต้องการมากทีสุด ส่วนปัญหาที่เกิดจากการเข้าถึงตัวเล่มวิทยานิพนธ์ จำแนกตามสถานที่ทำงาน ผลปรากฏว่าทั้งผู้บริหารที่ทำงานในมหาวิทยาลัยที่เป็นแหล่งผลิต หรือไม่ได้เป็นแหล่งผลิตวิทยานิพนธ์บรรณารักษศาสตร์ มีปัญหาการใช้วิทยานิพนธ์ด้านความล่าช้าของบทคัดย่อ การเผยแพร่วิทยานิพนธ์อยู่ในวงจำกัด และความไม่สะดวกในการใช้เนื่องจากการใช้บริการชั้นปิด และการไม่ให้ยืมวิทยานิพนธ์ออกนอกห้องสมุดในระดับที่แตกต่างกัน จากการศึกษาถึงสาเหตุที่ไม่ใช่วิทยานิพนธ์ของผู้บริหารห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่ยังไม่เคยใช้วิทยานิพนธ์บรรณารักษ์ศาสตร์ในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งสาเหตุที่เกิดจากวิทยานิพนธ์ และจากการ เข้าถึงตัวเล่ม พบว่าผู้บริหารที่มีคุณวุฒิต่างกันมีปัญหาการใช้วิทยานิพนธ์อันเนื่องจากไม่มีเวลาค้นหา ความรู้เพิ่มเติม เพราะต้องอุทิศเวลาให้กับงานที่รับผิดชอบ และยังไม่เห็นความจำเป็นของการใช้ในระดับที่แตกต่างกัน (P <0.05 ) แต่ผู้บริหารที่มีตำแหน่งและประเภทงานที่รับผิดชอบต่างกัน มีปัญหาการใช้เพราะสาเหตุดังกล่าวในระดับที่ไม่แตกต่างกัน (P >. 0.05 ) ส่วนสาเหตุที่เกิดจากการเข้าถึงตัวเล่มวิทยานิพนธ์ ปรากฏว่าผู้บริหารที่ทำงานในมหาวิทยาลัยที่เป็นแหล่งผลิตแลไม่ได้เป็นแหล่งผลิตวิทยานิพนธ์บรรณารักษศาสตร์ ประสบปัญหาในเรื่องบทคัดย่อพิมพ์เผยแพร่ออกล่าช้า การเผยแพร่วิทยานิพนธ์อยู่ในวงจำกัด ทำให้ไม่สะดวกต่อการใช้ และไม่ทราบแหล่งจัดเก็บวิทยานิพนธ์ในระดับที่แตกต่างกัน (P < 0.05) นอกจากนี้จากการศึกษาความต้องการใช้วิทยานิพนธ์ในด้านขอบเขตเนื้อหา และรูปแบบ วิทยานิพนธ์ ผลปรากฏว่าตำแหน่งและประเภทงานที่รับผิดชอบไม่มีความสัมพันธ์กับขอบเขตเนื้อหา วิทยานิพนธ์ที่ผู้บริหารต้องการใช้ (P >0.05 ) นั่นคือ ผู้บริหารทุกกลุ่มต้องการใช้วิทยานิพนธ์ ด้านการบริหารงานบุคลากรสูงกว่าด้านอื่นๆ ซึ่งแตกต่างจากระดับการใช้จริงที่ใช้วิทยานิพนธ์ด้านการบริการสูงกว่าด้านอื่นๆ ในด้านรูปแบบวิทยานิพนธ์ที่ต้องการใช้นั้น ผู้บริหารต้องการใช้วิทยานิพนธ์ที่เป็นฉบับสมบูรณ์มากที่สุด แต่มีความต้องการใช้วิทยานิพนธ์ที่จัดทำในรูปวัสดุย่อส่วนในระดับน้อย

Share

COinS