Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การวิเคราะห์เนื้อหาวารสารอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A content analysis of the bulletin of the Faculty of Arts Chulalongkorn Universi
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
ชลทิชา สุทธินิรันดร์กุล
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
บรรณารักษศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.659
Abstract
การวิจัยเรื่อง “การวิเคราะห์เนื้อหาวารสารอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะบทความ ขอบเขตเนื้อหาและปริมาณบทความในแต่ละสาขาวิชา สำรวจผู้เขียนบทความ ประเภทของการอ้างอิงที่ปรากฏ และวิเคราะห์เนื้อหาว่าตรงตามวัตถุประสงค์ในการจัดพิมพ์เพียงใด ในการดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งสัมภาษณ์บรรณาธิการ และผู้มีส่วนในการจัดทำวารสารอักษรศาสตร์ใช้หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นแนวทางในการวิเคราะห์เนื้อหาบทความที่เป็นกลุ่มประชากรทั้งหมด ๒๐๔ บทความจากวารสารอักษรศาสตร์ตังแต่เล่มที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๕ ถึงปีที่ ๑๖ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ บันทึกรอยคะแนนในตารางวิเคราะห์เนื้อหา รวมคะแนนทั้งหมด และนำมาหาค่าร้อยละ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ ๑.จำนวนเนื้อหาในสาขาวิชาต่างๆ พบว่ามีเนื้อหาในสาขาวิชาภาษาไทยมากที่สุดคือ ๔๘ บทความ จากบทความทั้งสิ้น ๒๐๔ บทความ คิดเป็นร้อยละ ๒๓.๕๓ อันดับที่สองได้แก่สาขาวิชาประวัติศาสตร์ ๓๙ บทความ คิดเป็นร้อยละ ๑๙๑๒ อันดับที่สามได้แก่สาขาวิชาภาษาตะวันตก ๓๑บทความ คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๒๐ สาขาวิชาที่มีจำนวนบทความน้อยที่สุดคือ สาขาวิชาศิลปะการละคร มี ๓ บทความ คิดเป็นร้อยละ ๑.๔๗ ๒. จำนวนผู้เขียนบทความที่จำแนกตามสังกัดของผู้เขียนบทความ พบว่าผู้เขียนสังกัดคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีจำนวนมากที่สุด ๙๓ คน จากจำนวนผู้เขียนที่ปรากฏสังกัดทั้งหมด ๑๒๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๕๐ และเมื่อจำแนกตามภาควิชา พบว่าผู้เขียนจากภาควิชาตะวันตกมีจำนวนมากเป็นอันดับที่หนึ่ง คือ ๒๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๑.๕๑ อันดับที่สองได้แก่ ผู้เขียนจากภาควิชาภาษาอังกฤษ ๑๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๒๘ อันดับที่สามได้แก่ ผู้เขียนจากภาควิชาภาษาไทย ๑๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๐๕ ภาควิชาที่มีจำนวนผู้เขียนน้อยที่สุด ได้แก่ ภาควิชาศิลปะการละคร คือ ๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๑.๐๘ ๓. ในด้านของการอ้างอิง พบว่าบทความที่มีการอ้างอิงมีจำนวน ๑๓๓ บทความ จากจำนวนบทความทั้งหมด ๒๐๔ บทความ คิดเป็นร้อยละ ๖๕.๒๐ มีปริมาณการอ้างอิงทั้งสิ้น ๑,๓๖๖ รายการ โดยบทความในสาขาวิชาประวัติศาสตร์มีปริมาณการอ้างอิงมากเป็นอันดับที่หนึ่ง ๔๒๙ รายการ คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๔๑ อันดับที่สองได้แก่ สาขาวิชาภาษาไทย ๒๖๕ รายการ คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๔๐ อันดับที่สามได้แก่ สาขาวิชาภาษาศาสตร์ ๑๗๓ รายการ คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๖๖ ประเภทของการอ้างอิงที่มีปริมาณการใช้สูงสุด คือ หนังสือ มีจำนวน ๘๘๒ รายการ คิดเป็นร้อยละ ๖๔.๕๗ รองลงมาคือ วารสารและหนังสือพิมพ์ ๒๑๙ รายการ คิดเป็นร้อยละ ๑๖.๐๓ อันดับที่สามได้แก่ เอกสาร ๑๗๐ รายการ คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๔๕ ข้อเสนอแนะ ๑.คณะบรรณาธิการวารสารอักษรศาสตร์ ควรจะหาวิธีชักชวนให้อาจารย์ในคณะอักษรศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ เขียนบทความในสาขาวิชาที่มีจำนวนบทความน้อยลงมาพิมพ์ในวารสาร ๒.คณะบรรณาธิการควรจัดทำวารสาร ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสาขาวิชาใดสาขาหนึ่งตลอดทั้งเล่มหมุนเวียนกันไปทุกภาควิชา เช่น ฉบับภาษาไทย ฉบับภาษาศาสตร์ เป็นต้น ๓.คณะบรรณาธิการ ควรจัดจะทำดรรชนีรวมในแต่ละปีอย่างสม่ำเสมอทั้งดรรชนีผู้เขียน ดรรชนีชื่อเรื่อง และดรรชนีเรื่อง โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีความชำนาญในงานด้านนี้ เช่น ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ หรือสถาบันวิทยบริการ
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
รัตนประทีป, กฤตชญา, "การวิเคราะห์เนื้อหาวารสารอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48377.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48377