Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความสำเร็จและความล้มเหลวในการค้นหาหนังสือ ของนักศึกษาในหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Students' success and failure in locating books in the Central Library, Khon Kaen University

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

ประภาวดี สืบสนธิ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

บรรณารักษศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.652

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงความสำเร็จและความล้มเหลวของนักศึกษาในการค้นหาหนังสือที่ต้องการ และศึกษาถึงสาเหตุของความล้มเหลว ตลอดจนการจัดและการดำเนินงานบริการหนังสือของหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น การวิจัยครั้งนี้ได้กำหนดสมมุติฐานไว้ดังนี้ คือ 1. ความสำเร็จและความล้มเหลวในการค้นหาหนังสือที่ต้องการ เป็นผลกันเกิดจากการจัดและการดำเนินงานบริการหนังสือของห้องสมุด 2. ผู้ใช้สามารถค้นพบหนังสือที่ต้องการ ถ้ารู้วิธีใช้ห้องสมุด 3. ความสำเร็จและความล้มเหลวในการค้นหาหนังสือที่ต้องการ มีสาเหตุจากตัวผู้ใช้ (ได้แก่ การรู้เกี่ยวกับการใช้ห้องสมุด และการใช้เครื่องมือช่วยค้น) ในการดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยได้สอบถามนักศึกษาที่เข้ามาค้นหาหนังสือที่ต้องการในห้องอ่านหนังสือภาษาไทย และห้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ในระยะที่มีการใช้สูงสุด คือในเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม ของภาคต้นปีการศึกษา 2526 โดยสุ่มเวลาส่งแบบสอบถามในช่วงเช้าและช่วงบ่าย ช่วงละ 1 ชั่วโมง ในเวลาราชการของวันที่เปิดให้บริการปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างผู้ให้ข้อมูลเป็นนักศึกษาในระดับปริญญาตรี จำนวน 398 คน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ปีที่ 4 และปีที่ 3 ตามลำดับ และเป็นนักศึกษาในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ร้อยละ 66.6) มากกว่าสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ผู้ใช้ทุกชั้นปีส่วนใหญ่มีความต้องการใช้หนังสือระหว่าง 1-3 เล่ม โดยเฉพาะนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ต้องการใช้หนังสือภาษาไทยมากกว่าหนังสือภาษาอังกฤษ ผู้ใช้ร้อยละ 90.2 ประสบความสำเร็จในการค้นพบหนังสือที่ต้องการ ซึ่งเป็นเพียงอัตราความสำเร็จรวมที่พิจารณาจากจำนวนผู้ใช้เท่านั้น ส่วนการวิเคราะห์อัตราความสำเร็จของผู้ใช้โดยการหาค่าร้อยละระหว่างจำนวนหนังสือที่ต้องการค้นหาต่อจำนวนหนังสือที่สามารถค้นพบ (1108 เล่ม/792 เล่ม) ปรากฏว่าอัตราความสำเร็จรวม คือร้อยละ 71.5 ซึ่งเป็นอัตราที่แสดงให้เห็นความสำเร็จของการค้นพบหนังสือโดยประมาณ ไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงอัตราความสำเร็จของผู้ใช้แต่ละคน ดังนั้นจากการคำนวณอัตราความสำเร็จของผู้ใช้แต่ละคนแล้วนำมาคำนวณหาอัตราความสำเร็จเฉลี่ยของผู้ใช้ทั้งหมด ปรากฏว่าเป็น ร้อยละ 72.7 ซึ่งสูงกว่าอัตราความสำเร็จรวม (ร้อยละ 71.5) เพียงเล็กน้อย แต่ลดลงจากอัตราผู้ใช้ที่ประสบความสำเร็จในการค้นพบหนังสือที่ต้องการ (ร้อยละ 90.2) ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้ตอบบางคนอาจพบหนังสือที่ต้องการค้นทุกรายการ ในขณะที่ผู้ตอบบางคนอาจพบหนังสือที่ต้องการค้นเพียงบางรายการเท่านั้น โดยนักศึกษาชั้นปีที่ 2 และปีที่ 4 สามารถค้นพบหนังสือที่ต้องการได้ในอัตราร้อยละ 78.1 และ 74.3 ในขณะที่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 และปีที่ 3 ค้นพบหนังสือที่ต้องการได้ในอัตราร้อยละ 67.8 และ 66.7 ตามลำดับ สำหรับสภาพที่ผู้ใช้ค้นพบหนังสือนั้น ร้อยละ 40.7 ของหนังสือที่พบจัดเรียงอยู่บนชั้นอย่างถูกต้อง แสดงว่าผู้ใช้พบหนังสือในที่ที่หนังสือนั้นควรอยู่น้อยกว่าครึ่ง รองลงมาพบว่าเรียงอยู่บนชั้นแต่ผิดที่ วางอยู่บนโต๊ะ บนรถเข็น อยู่ที่หนังสือสำรอง อยู่ในบริเวณถ่ายเอกสาร ส่วนวัตถุประสงค์ในการใช้หนังสือที่ค้นพบนั้น ส่วนใหญ่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ต้องการใช้ประกอบการเรียนมากที่สุด ส่วนนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ต้องการใช้หนังสือเพื่อทำรายงาน และค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน สำหรับความต้องการใช้หนังสือที่ค้นพบนั้น ผู้ใช้ส่วนใหญ่ทุกชั้นปี ต้องการยืมไปใช้นอกห้องสมุด สาเหตุของความล้มเหลวในการค้นหาหนังสือที่ต้องการของผู้ใช้ จำนวน 316 เล่ม นั้น ปรากฏว่าสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการปฏิบัติงานของห้องสมุดมากกว่าเกิดจากตัวผู้ใช้ (ร้อยละ 65.0/35.0) สาเหตุสำคัญอันเกิดจากการปฏิบัติงานของห้องสมุดได้แก่หนังสือถูกยืมออกไปใช้นอกห้องสมุด (ร้อยละ 19.0) รองลงมาคือไม่มีหนังสือในห้องสมุด วางเรียงบนชั้นผิดที่ หนังสือหาย หนังสือวางอยู่บนโต๊ะ วางอยู่บนรถเข็น และอยู่ที่แผนกซ่อม ส่วนสาเหตุที่เกิดจากตัวผู้ใช้นั้น สาเหตุสำคัญได้แก่ผู้ใช้จดบรรณานุกรมผิดพลาดและไม่สมบูรณ์ (ร้อยละ 26.0) รองลงมาคือผู้ใช้จดเลขเรียกหนังสือผิดและไม่สมบูรณ์ ผู้ใช้ไม่เข้าใจวิธีการจัดเรียงหนังสือบนชั้น ในขณะที่อุปสรรคที่สอบถามจากผู้ใช้นั้น ส่วนใหญ่เนื่องจากหนังสือบนชั้นจัดเรียงแน่นเกินไป และป้ายบอกหมวดหมู่หนังสือบนชั้นไม่ตรงกับตัวเล่ม ในการแก้ปัญหาเมื่อค้นไม่พบหนังสือที่ต้องการ คือ ผู้ใช้นิยมค้นหาหนังสือเล่มอื่นที่สามารถใช้แทนเล่มที่ต้องการได้ แต่ปรากฏว่าสามารถหาหนังสืออื่นแทนได้ต่ำกว่าครึ่ง วิธีการที่ผู้ใช้นิยมใช้มากที่สุดคือ ค้นหาหนังสือที่ต้องการโดยใช้บัตรรายการ ส่วนใหญ่จากบัตรชื่อเรื่อง สำหรับสาเหตุที่ผู้ใช้ไม่นิยมใช้บัตรรายการนั้นเนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ทราบวิธีใช้บัตรรายการ ซึ่งได้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มากที่สุด (ร้อยละ 72.3) เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เป็นกลุ่มที่มีอัตราความสำเร็จต่ำกว่าร้อยละ 50 การรู้วิธีใช้บัตรรายการและวิธีค้นหาหนังสือที่ต้องการของผู้ใช้นั้น สามารถแบ่งกลุ่มผู้ใช้ตามแหล่งของการเรียนรู้ได้ 3 กลุ่ม คือ ผู้ใช้กลุ่มที่ 1 เรียนรู้วิธีใช้บัตรรายการและวิธีค้นหาหนังสือที่ต้องการจากการเรียนวิชาการใช้ห้องสมุด กลุ่มที่ 2 เรียนรู้โดยอ่านจากคู่มือการใช้ห้องสมุด และได้รับคำแนะนำจากบรรณารักษ์ กลุ่มที่ 3 เรียนรู้โดยการถามจากเพื่อน เดินดูตามชั้น ตามโต๊ะภายในห้องสมุด ปรากฏว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ คือกลุ่มที่ 1 รองลงมาเป็นผู้ใช้กลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 2 ตามลำดับ โดยผู้ใช้กลุ่มที่ 1 นั้นประสบความสำเร็จในการค้นพบหนังสือที่ต้องการในอัตราสูงที่สุด เมื่อผู้ใช้ประสบปัญหาในการใช้ห้องสมุด ผู้ใช้ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 72.6) ไม่ต้องการขอความช่วยเหลือจากบรรณารักษ์ นอกจากนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ซึ่งส่วนใหญ่ขอความช่วยเหลือและพอใจในผลของความช่วยเหลือที่ได้รับจากบรรณารักษ์ในบริการด้านต่างๆ ยกเว้นเฉพาะเรื่องการให้บรรณารักษ์ช่วยหาหนังสือบนชั้น ซึ่งประสบความสำเร็จเพียงร้อยละ 30.6 เท่านั้น สาเหตุที่ผู้ใช้ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากบรรณารักษ์ เป็นเพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่รู้วิธีใช้ห้องสมุดดีอยู่แล้ว รองลงมาเห็นว่าบรรณารักษ์มีงานยุ่งไม่อยากรบกวน ส่วนระเบียบการยืมของห้องสมุดนั้น ส่วนใหญ่เป็นที่พอใจของนักศึกษาทุกชั้นปี ผลการวิจัยครั้งนี้สามารถนำไปเป็นแนวทางให้ผู้บริหารห้องสมุดวางนโยบายแก้ไขปรับปรุงการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ ทั้งในด้านการจัดหาทรัพยากร การจัดหาครุภัณฑ์ เช่น ชั้นหนังสือ รวมทั้งแนวทางในการปฏิบัติงานให้บริการหนังสือ เช่นบริการให้ยืม การจัดเตรียมชั้นให้พร้อมในการให้บริการ โดยเฉพาะในด้านความถูกต้องของการจัดเรียงหนังสือบนชั้น สำหรับผู้ใช้นั้นควรมีการสอนวิชาวิธีการศึกษาค้นคว้าในห้องสมุด เป็นวิชาบังคับพื้นฐาน ตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 เพื่อประโยชน์ในการศึกษาของการศึกษาในปีต่อๆ ไป

Share

COinS