Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การแสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉล
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Fraudulent Misrepresentation
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
ไชยยศ เหมะรัชตะ
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
นิติศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
นิติศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.390
Abstract
การแสดงเจตนาด้วยความสมัครใจเป็นองค์ประกอบที่สำคัญประการหนึ่งในเรื่องนิติกรรม ถ้าคู่กรณีฝ่ายหนึ่งได้แสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉล ย่อมถือไม่ได้ว่าเขามีความสมัครใจที่จะแสดงเจตนาทำนิติกรรม อย่างไรก็ดี การจะพิจารณาว่ากรณีใดเป็นเรื่องการแสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉลหรือไม่ และจะมีผลมากน้อยเพียงใดนั้น เป็นเรื่องยากทั้งในทางทฤษฎีและในทางปฏิบัติ เพราะกฎหมายไม่สามารถบัญญัติแยกแยะในรายละเอียดได้แม้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย ซึ่งบัญญัติหลักกฎหมายเรื่องการแสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉลไว้ตามมาตรา 121 – 125 ก็ไม่เป็นการเพียงพอที่จะทำให้เกิดความเข้าใจได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้เนื่องจากลักษณะเนื้อหาในเรื่องการแสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉลมีความสลับซับซ้อน เช่น ในเรื่ององค์ประกอบของการทำกลฉ้อฉลต้องมีการหลอกลวง และมีเจตนาหลอกลวง ซึ่งแต่ละหัวข้อก็มีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีก หรือการแบ่งกลฉ้อฉลเป็นกลฉ้อฉลที่ถึงขนาด กลฉ้อฉลเพื่อเหตุ หรือกลฉ้อฉลโดยคู่กรณี กลฉ้อฉลโดยบุคคลภายนอก กลฉ้อฉลโดยการนิ่ง ฯลฯ ซึ่งแต่ละหัวข้อมีปัญหาให้พิจารณาได้มากมาย นอกจากนี้เรื่องการแสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉลยังคาบเกี่ยวกับบทบัญญัติกฎหมายอื่น ๆ เช่น สำคัญผิด ละเมิด เป็นต้น ดังนั้นเรื่องการแสดงเจตนาโดยกลฉ้อฉลจึงเป็นเรื่องหนึ่งที่น่าพิจารณาศึกษาเป็นอย่างมาก วิทยานิพนธ์ฉบับนี้เป็นการค้นคว้าเพื่อหาหลักเกณฑ์ในเรื่องการแสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉล โดยศึกษาเปรียบเทียบหลักกฎหมายต่างประเทศกับหลักกฎหมายไทย พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาและเสนอข้อคิดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ โดยทำการวิจัยจากตำราภาษาต่างประเทศและภาษาไทย จากการวิจัยพบว่า การจะเข้าใจถึงหลักเกณฑ์และปัญหาในเรื่องการแสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉลได้นั้น จำเป็นต้องเข้าใจถึงลักษณะทั่วไปอันเป็นสาระสำคัญในเรื่องนี้ก่อน เช่น ลักษณะการหลอกลวง เจตนาหลอกลวง เป็นต้น จากนั้นจึงนำลักษณะทั่วไปดังกล่าวไปปรับใช้กับบทบัญญัติในกรณีต่าง ๆ นอกจากนี้ยังจะทำให้สามารถวางหลักในการพิจารณาคดีได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี บทบัญญัติบางมาตราซึ่งไม่เหมาะสมก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในการวางหลักเกณฑ์และเข้าใจถึงปัญหาในเรื่องการแสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉล ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าควรปรับปรุงแก้ไข บทบัญญัติมาตรา 121 วรรค 3 จากข้อความเดิมเป็นข้อความใหม่ดังนี้ “การบอกล้างการแสดงเจตนาอันได้มาเพราะกลฉ้อฉลนั้น ท่านห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต" ซึ่งจะได้ความหมายตรงตามต้นร่างภาษาอังกฤษมากกว่า นอกจากนี้บทบัญญัติบางมาตรา เช่น มาตรา 121 วรรค 2 ซึ่งมีปัญหาว่าจะนำมาใช้บังคับในกรณีกลฉ้อฉลเพื่อเหตุโดยบุคคลภายนอกหรือไม่ ผู้เขียนเห็นว่า หากจะมีการดำริแก้ไขก็ควรบัญญัติให้ชัดเจนว่าไม่ใช้กับกรณีกลฉ้อฉลเพื่อเหตุ หรือใช้กับกรณีกลฉ้อฉลเพื่อเหตุด้วย และท้ายที่สุด ผู้เขียนเห็นว่า หลักการพิจารณาว่าบุคคลใดได้แสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉลหรือไม่ ควรพิจารณาจากด้านตัวผู้แสดงเจตนาประกอบกับพฤติการณ์อื่นด้วย อันจะทำให้ได้ข้อเท็จจริงว่าบุคคลนั้นได้แสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉลหรือไม่
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
เจตน์เจริญรักษ์, อำนาจ, "การแสดงเจตนาโดยถูกกลฉ้อฉล" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48350.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48350