Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การคัดเลือกเชื้อราเพื่อใช้ในการทำปุ๋ยหมักจากฟางข้าว
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Selection of fungi for producing organic fertilizer from rice straw
Year (A.D.)
1986
Document Type
Thesis
First Advisor
ประกิตติ์สิน สีหนนทน์
Second Advisor
นลิน นิลอุบล
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
จุลชีววิทยา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1986.562
Abstract
จากการทดลองเกี่ยวกับประสิทธิภาพสารตัวเร่งที่เป็นเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งได้มีการผลิตเป็นการค้าในต่างประเทศ พบว่าอัตราการย่อยสลาย (คาร์บอนไนโตรเจน) ของฟางข้าวจากการทดลองทั้งสองไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ด้วยเหตุผลนี้งานวิจัยจึงมุ่งที่จะแยกและคัดเลือกเชื้อราที่มีความสามารถสูงในการย่อยสลายฟางข้าวภายใต้วิธีการหมักแบบธรรมชาติ จากการทดสอบโดยใช้เชื้อราจำนวน 208 สายพันธุ์ ซึ่งแยกมาจากฟางข้าวแหล่งต่างๆ พบว่า เชื้อรา Aspergillus sp. (A-8), เชื้อรา Aspergillus sp. (B-25) และเชื้อรา Humicola sp. (H-30) มีความสามารถผลิตเอมไซม์เซลลูเลสและไซลาเนสได้สูงเมื่อบ่มที่อุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 5 วัน ในขณะที่เชื้อรามารตรฐาน Trichoderma viridae QM 9414 ผลิตเอมไซม์ได้สูงเมื่อบ่มที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียสเป็นระยะเวลา 5 วัน จากการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการผลิตเอนไซม์ชนิดต่างๆ ที่มีความเหมาะสมต่อการย่อยสลายเซลลูโลสและเฮมิเซลลูโลส พบว่า เชื้อรา Aspergillus sp. (A-8) สามารถผลิตเอนไซม์เซลลูเลสและคาร์บอกซีเมทธิลเซลลูเลสได้สูงสุด (1.22 x 10⁶ และ 1.88 x 10⁶ หน่วยต่กรัมฟางข้าว) ขณะที่เชื้อรา Aspergillus sp. (B-25) สามารถผลิตเอนไซม์เบตากูลโคซิเดสได้สูงสุด (3.08 x 10⁴ หน่วยต่อกรัมฟางข้าว) และเชื้อรา Humicola sp. (H-30) สามารถผลิตเอนไซม์ไซลาเนสได้สูงสุด (199 x 10⁷ หน่วยต่อกรัมฟางข้าว) เมื่อศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยาและสรีรวิทยาของเชื้อราทั้ง 3 สายพันธุ์ พบว่า เชื้อรา Aspergillus sp. (A-8) มีลักษณะคล้ายคลึงกับเชื้อรา Aspergillus fumigatus Fresenius. ส่วนเชื้อรา Aspergillus sp. (B-25) มีลักษณะคล้ายคลึงกับเชื้อรา Aspergillus flavipes ในขณะที่เชื้อรา Humicola sp. (H-30) มีลักษณะคล้ายคลึงกับเชื้อรา Humicola lanuginose จากการศึกษาปริมาณสปอร์ของเชื้อราเพื่อใช้เป็นหัวเชื้อในการทำปุ๋ยหมัก เชื้อรา Aspergillus sp. (A-8) และเชื้อรา Aspergillus sp. (B-25) จะสร้างสปอร์ได้มากที่สุดเท่ากับ 4.98 x 10¹² และ 2.02 x 10¹¹ สปอร์ต่อกรัมอาหารเลี้ยงเชื้อ ตามลำดับเมื่อเลี้ยงในอาหารที่ประกอบด้วยฟางข้าวขนาดยาว 5 มิลลิเมตร ผสมกับรำข้าวละเอียดในอัตราส่วน 1 : 1ส่วนเชื้อรา Humicola sp. (H-30) สร้างสปอร์ได้มากที่สุดเท่ากับ 1.55 x 10¹¹ สปอร์ต่อกรัมอหารเลี้ยงเชื้อ เมื่อเลี้ยงในอาหารที่ประกอบด้วยฟางข้าวขนาดยาว 5 มิลลิเมตร ผสมกับรำข้าวละเอียดในอัตราส่วน 1 : 9 จาการศึกษาการย่อสลายฟางข้าวในโหลหมัก (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 ซม. สูง 24 ซม.) โดยการเติมเชื้อราที่คัดเลือกได้ พบว่า อัตราการย่อยสลายของฟางข้าวในโหลหมักที่เติมเชื้อราชนิดเดียวหรือเชื้อราผสม (2 สายพันธุ์) มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคํญทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับโหลหมักทีไม่เติมเชื้อรา โดยการเติมเชื้อราเพียงชนิดเดียวได้ผลดีที่สุด จากการทดลองโดยใช้สารต่างๆ เพื่อเป็นแหล่งไนโตรเจน พบว่า แอมโมเนียมไนเตรตเป็นสารที่ดีที่สุดสำหรับเชื้อราในการย่อยสลายฟางข้าว โดยในช่วงระดับ 1.5 – 5.0 เปอร์เซนต์ของแอมโมเนียมไนเตรต มีผลช่วยเร่งกระบวนการย่อยสลาย และปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของฟางข้าว เมื่อศึกษาการหมักในระดับใหญ่ โดยหมักฟางข้าวในถังซีเมนต์ (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 ซม. สูง 70 ซม.) โดยเติมเชื้อรา Aspergillus sp. (A-8) หรือเชื้อรา Aspergillus sp. (B-25) พบว่า อัตราการย่อยสลายของฟางข้าวในถังหมักที่เติมเชื้อราจะเกิดขึ้นเร็วกว่าถังหมักที่ไม่เติมเชื้อรา นอกจากนี้พบว่าหลังจากการหมักฟางข้าว จำนวนเซลของเชื้อราที่เติมลงไปมีการเพิ่มจำนวนมากขึ้น แสดงว่าเชื้อราเหล่านี้สามารถเจริญและแก่งแย่งอาหรกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ ที่มีอยู่ในฟางข้าวได้ จากผลการทดลองซึ่งได้กล่าวมาแล้วข้างต้น พบว่า เชื้อรา Aspergilus sp. (A-8) และเชื้อรา Aspergillus sp. (B-25) เป็นเชื้อราสายพันธุ์ที่เหมาะสมที่ใช้เติมในกระบวนการหมักปุ๋ยชีวภาพจากฟางข้าว และในอนาคตน่าจะมีการศึกษาเพิ่มเติมกระบวนหมักในระดับขยายใหญ่ในภาคสนามด้วย
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
เผื่อนพิภพ, วิศิษฐพร, "การคัดเลือกเชื้อราเพื่อใช้ในการทำปุ๋ยหมักจากฟางข้าว" (1986). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48121.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48121