Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การทำนายพฤติกรรมการเลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในกรุงเทพมหานคร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Predicting the behavior of applying to enter the faculty of science of mathayom suksa six students in Bangkok Metropolis

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

ธีระพร อุวรรณโณ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

จิตวิทยา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.79

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเชื่อเกี่ยวกับผลการกระทำ การประเมินผลกรรมทัศนคติ ความเชื่อเกี่ยวกับกลุ่มอ้างอิง แรงจูงใจที่จะคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงเจตนาเชิงพฤติกรรม เพื่อทำนายพฤติกรรมการเลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ในปีการศึกษา 2529 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสำรวจที่สร้างตามทฤษฎีการกระทำด้วยเหตุผลของฟิชไบน์และไอเซนจากการนำแบบสำรวจไปทดลองใช้พบว่าคำความเที่ยงของส่วนต่าง ๆ ของแบบสำรวจมีค่าตั้งแต่ .74 ถึง .86 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ปีการศึกษา 2528 ในเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 13 โรงเรียน เป็นโรงเรียนในเขตการปกครองชั้นใน 6 โรงเรียน เขตชั้นกลาง 4 โรงเรียน และเขตชั้นนอก 3 โรงเรียน จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 440 คน สถิติที่ใช้คือค่าสหสัมพันธ์เพียร์สัน ค่าสหสัมพันธ์พอยไบซีเรียล สมการถดถอยพหุคูณและการทดสอบด้วยคำที โดยวิเคราะห์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูป เอส พี เอส เอส เอ้กส์ ผลการวิจัยสนับสนุนสมมติฐานดังนี้ 1. เจตนาเชิงพฤติกรรมสามารถทำนายพฤติกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในการเลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r (376) = .34. P<.001) และสามารถทำนายได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อการวัดเจตนาห่างจากการวัดพฤติกรรม 2-3 สัปดาห์ (r (349) = .36. P<.001) แต่ทำนายได้อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อการวัดเจตนาห่างจากการวัดพฤติกรรม 7-8 สัปดาห์ (r (25) = .14.ns) 2.ทัศนคติและการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงสามารถทำนายเจตนาเชิงพฤติกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในการสมัครสอบคณะวิทยาศาสตร์ได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อวิเคราะห์รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด (R (438) = .48. P<.001.β1 = .23. β2 = .37) เมื่อวิเคราะห์เฉพาะผู้ที่สมัครสอบเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (R (376) = .51, P<.001. β1 = .23. β2 = .40) เมื่อวิเคราะห์เฉพาะผู้ที่เลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ (R (115) = .35. P<.001.β1 = .30. β2 = .11) และเมื่อวิเคราะห์เฉพาะผู้ที่ไม่สมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ (R (259) = .51. P<.001.β1 = .15. β2 = .44) 3. ทัศนคติมีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญกับผลรวมของผลคูณของความเชื่อเกี่ยวกับผลการเลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ และการประเมินผลกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อวิเคราะห์รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด (R (438) = .40. P<.001) เมื่อวิเคราะห์เฉพาะผู้ที่สมัครสอบเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (R (376) = .39. P<.001) เมื่อวิเคราะห์เฉพาะผู้ที่เลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ (R (115) = .36. P<.001) และเมื่อวิเคราะห์เฉพาะผู้ที่ไม่เลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ (R (259) = .38. P<.001) 4. การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงมีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญกับผลรวมของผลคูณของความเชื่อเกี่ยวกับกลุ่มอ้างอิงและแรงจูงใจที่จะคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงเมื่อวิเคราะห์รวมกลุ่มนักเรียนทั้งหมด (R (438) = .67. P<.001) เมื่อวิเคราะห์เฉพาะผู้ที่เลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (R (376) = .69. P<.001) เมื่อวิเคราะห์เฉพาะผู้ที่เลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ (R (115) = .62. P<.001) และเมื่อวิเคราะห์เฉพาะผู้ที่ไม่เลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ (R (259) = .71. P<.001) 5. ความเชื่อเกี่ยวกับผลของการเลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ การประเมินผลกรรม ความเชื่อเกี่ยวกับกลุ่มอ้างอิงและแรงจูงใจที่จะคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญบางข้อกระทงในกลุ่มที่เลือกและไม่เลือกสมัครสอบเข้าเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์

Share

COinS