Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
แรงจูงใจในการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้นำชุมชนไทย : ศึกษากรณีผู้นำชุมชนในเขตอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Motivation on political participation of Thai community leaders : a case study of community leaders of amphoe Bang Len, Nakhon Pathom province
Year (A.D.)
1986
Document Type
Thesis
First Advisor
วิทยา สุจริตธนารักษ์
Second Advisor
พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
รัฐศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การปกครอง
DOI
10.58837/CHULA.THE.1986.524
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะทราบถึงแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้นำชุมชนว่ามีอะไรบ้าง แรงจูงใจแต่ละชนิดกระตุ้นหรือเร้าให้ผู้นำชุมชนเข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองมาก-น้อยอย่างไร ผู้นำชุมชนที่ใช้เป็นประชากรในการทำวิจัย คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาจังหวัด ซึ่งเป็นตัวแทนของราษฎรที่ผ่านการเลือกตั้งขึ้นมา มิใช่รัฐบาลเป็นผู้แต่งตั้งและสรรหาอย่างข้าราชการทั่ว ๆ ไป ในสมัยก่อนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จะได้รับบรรดาศักดิ์อย่างต่ำเป็น “พัน" อย่างสูงเป็น “ขุน" ซึ่งแสดงความสำคัญของตำแหน่งในสังคมชนบทไทย ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายนานาประการในการปฏิบัติหน้าที่อำนวยความผาสุกให้แก่ประชาชน และรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง กล่าวโดยย่อ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เป็นทั้งพ่อบ้านในทางสังคมและผู้รักษากฎหมายในระดับพื้นฐานที่สุด ส่วนสมาชิกสภาจังหวัดก็เช่นกัน นอกจากเป็นตัวแทนของประชาชนในการเสนอข้อเรียกร้องและความต้องการของประชาชนให้ฝ่ายบริหารนำไปกำหนดแนวทางและนโยบายในทางปฏิบัติแล้ว บุคคลกลุ่มนี้ยังมีอาชีพหลักของตนเอง เช่น อาชีพค้าขาย ชาวนา ผู้รับเหมา เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เองหากตำแหน่งของ สจ. ไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของอาชีพหลักที่มีอยู่แล้วย่อมก่อให้เกิดผลในทางทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่อยู่มาก ซึ่งผู้นั้นอาจจะรวมเอาผลประโยชน์ส่วนรวมมาร่วมกับผลประโยชน์ส่วนตัวได้ จากการวิจัยพบว่าผู้นำชุมชนต้องการดำรงตำแหน่งปัจจุบัน เพราะหวังได้รับการยอมรับจากราษฎรและทางราชการ ต้องการมีชื่อเสียง เกียรติยศ แม้ว่าจะได้รับค่าตอบแทนน้อย ต้องการสร้างความเจริญให้ท้องถิ่น แต่โดยเนื้อแท้แล้วผู้นำชุมชนยังมีจิตใต้สำนึกที่ต้องการมีอำนาจ โดยพิจารณาจากแบบสอบถามที่ถามเกี่ยวกับประเด็นใกล้เคียงนี้ แม้ในคำถามแรก ๆ ผู้ตอบจะให้คำตอบในลักษณะมีความหมายในเชิงบวก แต่คำถามหลัง ๆ แสดงให้เห็นว่าผู้นำชุมชนต้องการมีอำนาจด้วย ผู้นำเหล่านี้ไม่กล้าที่ตอบตรง ๆ ว่าตนหวังในอำนาจ อาจเป็นเพราะเกรงภาพพจน์ของตนจะเสีย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้นำชุมชนเหล่านี้มีอำนาจถึง 2 ด้านใหญ่ ๆ คือ 1) อำนาจหน้าที่ที่ทางราชการมอบให้เป็นตัวแทนทางราชการในการปกครองเป็นหูเป็นตาในตำบล หมู่บ้าน 2) อำนาจที่มีผลมาจากการดำรงตำแหน่งดังกล่าว เป็นอำนาจทางอ้อม คือราษฎรยำเกรง และราชการเกรงใจ ผู้นำชุมชนสามารถโน้มน้าวให้ราษฎรในหมู่บ้าน ตำบล มีความเห็นคล้อยตามได้มาก และทางราชการก็ให้เกียรติ เพราะถือว่าผู้นำชุมชนเป็นตัวแทนของราษฎรและราชการ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น แรงจูงใจในทางความสำเร็จของผู้นำชุมชน ส่วนใหญ่ให้คำตอบว่าไม่ได้หวังจะมีตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่าปัจจุบัน กล่าวคือ คนที่เป็นผู้ใหญ่บ้านก็คิดว่าเป็นผู้ใหญ่ก็พอแล้ว คนที่เป็นกำนันก็พอใจเป็นแค่กำนัน ไม่ได้หวังเป็น สจ. สส. โดยให้เหตุผลว่า มีการศึกษาน้อย ฐานทางเศรษฐกิจไม่มากพอ ฯลฯ ซึ่งถ้านำทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์มาเทียบเคียงพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า เป็นไปตามทฤษฎี นั่นคือพวกเขาบรรลุความต้องการความสำเร็จสมหวังในชีวิตตามอัตภาพในขณะนี้ ตอบสนองความต้องการขั้นที่ 5 แล้ว แต่ในอนาคตเมื่อพวกเขามีทรัพยากรทางการเมืองมากขึ้นพวกเขาอาจมีความทะยานอยากมากกว่าเวลานี้ก็เป็นได้ ซึ่งยังไม่อาจคาดเดาได้ ผู้นำชุมชนส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกลุ่มต่าง ๆ ในท้องถิ่น กลุ่มเหล่านี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองโดยตรง แต่เป็นกลุ่มที่พบเห็นโดยทั่วไป และจะมีการพบปะร่วมกิจกรรมในหมู่สมาชิก กรรมการเป็นครั้งคราว เป็นเพราะภารกิจส่วนตัวมีมากจึงทำให้การพบปะกันน้อย อย่างไรก็ตามยังมีการช่วยเหลือกันไม่มากก็น้อย แต่ที่สำคัญ คือ กลุ่มในชนบทมักจะไม่ค่อยแข็งจึงไม่สามารถสนับสนุนผู้นำชุมชนรับเลือกตั้งเป็นผู้นำที่สูงขึ้นได้ ผู้นำชุมชนจึงต้องใช้บุคลิ[ก]ภาพส่วนตัว บารมีส่วนตัวเป็นสำคัญ ซึ่งผิดกับของตะวันตก กลุ่มจะช่วยให้ความปรารถนาบรรลุผลได้ดีกว่าของเรา โดยสรุป จากการวิจัย ผู้นำชุมชนมีบทบาทในการเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองโดยเฉพาะการเข้าดำรงตำแหน่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สจ. ด้วยหวังให้ท้องถิ่นเจริญก้าวหน้า ผลตอบแทนที่พวกเข้าอยากได้รับมากที่สุด คือ การยอมรับจากผู้อื่น ได้รับชื่อเสียง เกียรติยศ และโยงไปถึงการได้รับอำนาจหน้าที่จากทางราชการและอำนาจที่มีผลโดยทางอ้อม กล่าวคือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของราษฎรพอสมควร เช่น เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในหมู่บ้าน ตำบล ไม่ค่อยรู้จักผู้สมัครรับเลือกตั้งก็มักจะถามความเห็นผู้นำชุมชนว่าจะเลือกใครดี เป็นต้น
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สิชฒรังษี, พิเชษฐ, "แรงจูงใจในการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้นำชุมชนไทย : ศึกษากรณีผู้นำชุมชนในเขตอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม" (1986). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48041.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48041