Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

แรงจูงใจในการเป็นนักการเมือง : ศึกษากรณีนักการเมืองของจังหวัดเชียงราย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Motive to be politicians : a case study of Chiang Rai

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

รัฐศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การปกครอง

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.514

Abstract

การวิจัยเรื่องนี้มีความมุ่งหมายที่จะศึกษาถึงแรงจูงใจในการเป็นนักการเมืองโดยเฉพาะในกรณีของจังหวัดเชียงราย โดยมุ่งที่จะศึกษาถึงปัจจัยที่ทำให้บุคคลเข้าเป็นนักการเมือง 3 ระดับคือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) และสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือนักการเมืองของจังหวัดเชียงราย ในระดับชาติและระดับท้องถิ่นจำนวน 54 คน คือผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อปี 2526 จำนวน 6 คน ส่วนสมาชิกสภาจังหวัดจำนวน 30 คน และสมาชิกสภาเทศบาล จำนวน 18 คนนั้นได้รับเลือกตั้งเมื่อปี 2528 การสุ่มตัวอย่างเป็นแบบเจาะจง (purposive sampling) โดยออกแบบสัมภาษณ์นักการเมืองที่เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยซึ่งเป็นมูลเหตุของแรงจูงใจที่มีส่วนผลักดันให้บุคคลเข้ามีส่วนร่วมในทางการเมืองหรือเข้าสู่วงการเมืองในระดับนักการเมืองคือ (1) ความสำนึกในความสำคัญทางการเมือง (2) ความไว้วางใจทางการเมือง (3) การสนองตอบความต้องการทางจิตใต้สำนึก (4) การแสวงหาชื่อเสียง เกียรติยศ (5) การรักษาผลประโยชน์ส่วนตัว และ (6) การรักษาความเป็นธรรมในสังคม การวิจัยยังพบอีกว่า สถานภาพทางการศึกษา ทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดทั้งอาชีพซึ่งเป็นทรัพยากรของแต่ละบุคคลมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้บุคคลเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองระดับนักการเมือง ผลที่ได้จากการวิจัยนี้พบว่า เมื่อนำปัจจัยด้านแรงจูงใจและทรัพยากรมาพิจารณาร่วมกันแล้ว สามารถแบ่งประเภทนักการเมืองของจังหวัดเชียงรายออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. นักการเมืองที่มีทรัพยากรมาก และมีแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมในทางการเมืองระดับสูง หรือเรียกว่านักการเมืองอาชีพ 2. นักการเมืองที่มีทรัพยากรมาก แต่มีแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมในทางการเมืองระดับต่ำ หรือเรียกว่านักการเมืองนายทุน 3. นักการเมืองที่มีทรัพยากรน้อย แต่มีแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับสูง หรือเรียกว่านักการเมืองสมัครเล่น 4. นักการเมืองที่มีทรัพยากรน้อย และมีแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมในทางการเมืองระดับต่ำ หรือเรียกว่านักเสี่ยงโชคการเมือง สรุปได้ว่า ปัจจัยด้านแรงจูงใจและทรัพยากรมีความสำคัญต่อการเข้ามีส่วนร่วมทางการเมือง โดยเฉพาะการเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองในระดับนักการเมืองของกลุ่มตัวอย่าง

Share

COinS