Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาต้นทุนและรายได้จากการปลูกมะลิเพื่อการค้า

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A study on cost and revenue of commercialized jusmine cultivation

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

สมเพียร เกษมทรัพย์

Second Advisor

ธารี หิรัญรัศมี

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การบัญชี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.459

Abstract

ในการศึกษาต้นทุนและรายได้จากการปลูกมะลิในประเทศไทย ผู้วิจัยได้สำรวจข้อมูลจากเกษตรกร จำนวน 40 ราย ซึ่งมีเนื้อที่ปลูกตั้งแต่ 5 ไร่ขึ้นไป ในเขตหนองแขม ภาษีเจริญ จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร และเขตนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยวิธีสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ในระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2527 ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2528 จากการสำรวจพบว่าเกษตรกรจะเริ่มปลูกต้นมะลิในฤดูฝน หลังจากปลูกได้ประมาณ 6 เดือนจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ และจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้สูงในปีที่ 2-3 หลังจากนั้นปีที่ 4-5 จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่มากนัก แต่ถ้าหากสวนมะลิได้รับการบำรุงรักษาดี ก็อาจจะได้รับผลผลิตสูงถึงปีที่ 5 หลังจากปีที่ 5 แล้ว เกษตรกรจะตัดทิ้งและเริ่มต้นปลูกมะลิใหม่ หรือปลูกพืชอื่น ๆ สลับก่อนที่จะปลูกมะลิอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้พื้นที่ดินอุดมสมบูรณ์ การปลูกมะลิในฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน มีต้นทุนเฉลี่ยไร่ละ 15,044.10 บาท 17,411.13 บาท และ 25,116.19 บาท ตามลำดับ จะเห็นว่าต้นทุนการปลูกในฤดูฝน สูงกว่าการปลูกในฤดูหนาวและฤดูร้อนเฉลี่ยไร่ละ 10,072.09 บาท และ 7,705.06 บาท ตามลำดับ ผลแตกต่างของต้นทุนส่วนใหญ่มาจาก ค่าพันธุ์ และค่าวัสดุในการปลูก ในทุก ๆ ฤดูกาลเกษตรกรต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินสดในด้านค่ายาปราบศัตรูพืชสูงที่สุด กล่าวคือ ในฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน มีค่าใช้จ่ายในด้านค่ายาปราบศัตรูพืช ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินสด คิดเป็นร้อยละ 65.57, 67.29 และ 67.67 ของต้นทุนที่เป็นเงินสดทั้งสิ้น ในฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน ตามลำดับ เกษตรกรมีรายได้จากการปลูกมะลิในฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน เฉลี่ยไร่ละ 24,782.50 บาท, 31,816.00 บาท และ 35,750.00 บาท ตามลำดับ จะเห็นว่ารายได้เฉลี่ยต่อไร่ของการปลูกมะลิในฤดูฝนสูงที่สุด สูงกว่าฤดูหนาวและฤดูร้อน เฉลี่ยไร่ละ 10,967.50 บาท และ 3,934.00 บาท ตามลำดับ การที่รายได้แตกต่างกันในแต่ละฤดู เพราะว่า ราคาจำหน่ายและจำนวนผลผลิตในแต่ละฤดูแตกต่างกัน กล่าวคือ ราคาจำหน่ายโดยเฉลี่ยในฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน ลิตรละ 57.50 บาท 24.25 บาท และ 32.50 บาท ตามลำดับ จำนวนมะลิที่เก็บได้โดยเฉลี่ยต่อไร่ในฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน 431 ลิตร 1,312 ลิตร และ 1,100 ลิตร ตามลำดับ จากการวิเคราะห์อัตราผลตอบแทน สรุปได้ว่า ในฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน เกษตรกรมีอัตราผลตอบแทนค่าขาย คิดเป็นร้อยละต่อไร่เท่ากับ 39.30, 45.28 และ 29.74 ตามลำดับ มีอัตราผลตอบแทนการลงทุนคิดเป็นร้อยละต่อไร่เท่ากับ 20.99, 31.05 และ 22.92 ตามลำดับ มีระยะเวลาคืนทุน 1 ปี 4 เดือน มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการผลิตต่อรายได้รวมทั้งหมดของฟาร์ม 61, 55 และ 70 ตามลำดับ ส่วนในด้านเศรษฐกิจมีอัตราผลตอบแทนต่อต้นทุนการปลูกต่อไร่ 64.74, 82.73 และ 42.34 ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์อัตราผลตอบแทนในทุก ๆ ชนิดที่กล่าวแล้วมีอัตราผลตอบแทนในฤดูร้อนสูงสุด สำหรับการเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนในฤดูหนาวกับฤดูฝนนั้น ถ้าวิเคราะห์ในแง่อัตราผลตอบแทนการลงทุน ฤดูฝนจะมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่าฤดูหนาว แต่การวิเคราะห์อัตราผลตอบแทนในแง่อื่น ๆ คือ วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนค่าขาย การวัดสถานภาพรายได้ – ค่าใช้จ่ายของเกษตรกรและในด้านเศรษฐกิจเกษตรกรจะมีอัตราผลตอบแทนในฤดูหนาวสูงกว่าฤดูฝน ปัญหาที่เกษตรกรประสบมากที่สุด คือ ปัญหาทางด้านการกำจัดศัตรูพืช เนื่องจากปริมาณหนอนและแมลงที่มาทำลายต้นและดอกมะลิมีมาก และราคายากำจัดศัตรูพืชสูงอีกทั้งเกษตรกรไม่มีความรู้ดีในเรื่องวิธีการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชให้ได้ผลดี จึงเป็นเหตุให้ต้นทุนการปลูกสูง ฉะนั้น หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจึงควรให้ความรู้ทางด้านการดูแลรักษามะลิ โดยเฉพาะในด้านการใช้ยาปราบศัตรูพืช ให้มีประสิทธิผลสูงและปลอดภัย นอกจากนี้ปัญหาอื่น ๆ ที่เกษตรกรประสบ คือ – ปัญหาการจ้างแรงงาน เนื่องจากปริมาณผลผลิตไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้มีปัญหาคนงานว่างงานในช่วงที่ผลผลิตน้อย ข้อเสนอแนะ คือ เกษตรกรควรมีงานพิเศษอื่น ๆ เช่น งานประดิษฐ์ดอกไม้สด ดอกไม้แห้ง งานฝีมือจักสาน หรือปลูกพืชที่ให้ผลผลิตในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงที่มะลิให้ผลผลิตน้อย เช่น ต้นเบญจมาศ ต้นดาวเรือง – ปริมาณผลผลิตในฤดูหนาวต่ำมากและดอกมีลักษณะไม่สวยงาม ข้อเสนอแนะ คือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรศึกษาวิจัยทำแปลงทดลองการปลูกมะลิ เพื่อหาแนวทางแก้ไขและค้นหาพันธุ์มะลิที่ให้ผลดีที่สุด – ปริมาณผลผลิตในฤดูร้อนสูง ราคาจึงต่ำมาก รัฐบาลน่าจะส่งเสริมให้มีการลงทุนนำมะลิไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ เช่น สกัดทำหัวน้ำหอม อบใบชา – ราคามะลิไม่แน่นอนและเกษตรกรส่วนใหญ่นำไปส่งให้พ่อค้าคนกลาง ดังนั้นเพื่อให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรมในการขายผลผลิต เกษตรกรควรมีสถานที่ขายเองที่ปากคลองตลาด หรือใช้วิธีรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอำนาจในการต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง – มะลิมีการส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ แต่น้อยมาก รัฐบาลควรส่งเสริมและเผยแพร่ให้ได้ทราบถึงประโยชน์ของดอกมะลิ ทางด้านความสวยงามและลักษณะพิเศษกลิ่นหอมชื่นใจ สามารถนำไปประดิษฐ์และประดับสิ่งต่าง ๆ ให้งดงามได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ชาวต่างชาติสนใจมาติดต่อซื้อมะลิไปใช้ในงานประดิษฐ์ในโอกาสต่าง ๆ ในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น

Share

COinS