Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การประยุกต์วิธีการโปรแกรมเชิงเส้น เพื่อกำหนดรายวิชาให้ครูผู้สอน : กรณีศึกษา โรงเรียนสระกะเทียมวิทยา จังหวัดนครปฐม
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Allocation of teachers to courses by linear programming : a case study of Sakathiam Wittayakom school Nakhon Pathom Province
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
กฤษดา กรุดทอง
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
สถิติศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
สถิติ
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.636
Abstract
โดยทั่วไปการบริหารงานการศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษา เกี่ยวข้องกับบุคคล 2 ฝ่าย คือผู้บริหาร และครูผู้สอน บุคคลทั้งสองต้องช่วยเหลือเกื้อกูลและร่วมกันแก้ไขปัญหา อุปสรรคของการบริหารงานโรงเรียนที่เกิดขึ้น จึงจะทำให้งานที่ทำงานที่ทำอยู่ประสบกับความสำเร็จตามความมุ่งหมายของโรงเรียน ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายร่วมกันของผู้บริหารและครูผู้สอนที่อยู่ในโรงเรียนเดียวกัน การบริหารงานอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการทำงานร่วมกันระหว่างผู้บริหารกับครูผู้สอนคือ การกำหนดราวิชาและจำนวนคาบสอน ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่ผู้บริหารกับครูผู้สอนประสบอยู่ในปัจจุบัน กล่าวคือ ครูผู้สอนมักจะไม่พอใจต่อรายวิชาและจำนวนคาบสอนที่ผู้บริหารจัดให้ ทำให้ครูผู้สอนปฏิบัติงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งผู้บริหารย่อมไม่สามารถจัดรายวิชาและจำนวนคาบสอนให้เป็นไปตามความต้องการของครูทุกคนได้ ดังนั้นแต่ละโรงเรียนจึงพยาบาลหาวิธีการที่ดีที่สุดในการกำหนดรายวิชาและจำนวนคาบสอน ให้ตอบสนองความต้องการของครูและให้การสอนเกิดประสิทธิผลมากที่สุด วิธีการที่โรงเรียนต่าง ๆ นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันคือวิธีการจัดของหัวหน้าหมวดวิชา ซึ่งวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการที่ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร (หัวหน้าหมวดวิชา) และการตัดสินใจโดยไม่เป็นระบบที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพดังนั้นจึงควรนำเอาวิธีการที่เป็นระบบ เช่น วิธีการโปรแกรมเชิงเส้น มาช่วยในการแก้ปัญหาดังกล่าววิทยานิพนธ์นี้ ศึกษาการนำเอาวิธีการโปรแกรมเชิงเส้นแบบจำนวนเต็มศูนย์หนึ่ง โดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของทิลเลต มากำหนดรายวิชาและจำนวนคาบสอนให้ครูผู้สอน เปรียบผลกับวิธีการจัดของผู้บริหาร (หัวหน้าหมวดวิชา) โดยใช้ข้อมูลจากโรงเรียนสระกะเทียมวิทยาคม จังหวัดนครปฐม และนำเอาโปรแกรมสำเร็จรูป EMPS (MIP MODE) มาทดลองใช้ประมวลผลข้อมูล รวมทั้งหาข้อดี ข้อเสียของการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปดังกล่าวผลการวิจัยในครั้งนี้ สรุปได้ว่า วิธีการที่ใช้แบบจำลองของทิเลตกำหนดรายวิชาและจำนวนคาบสอน ให้ความชอบและต้องการสอน แก่ครูผู้สอนได้มากกว่าวิธีการจัดของหัวหน้าหมวดวิชา ให้จำนวนคาบสอนที่ยุติธรรม ใช้เวลาประมวลผลข้อมูลน้อยกว่า โดยเป็นระบบทางวิทยาศาสตร์ มีหลักเกณฑ์แน่นอน และตรวจสอบผลลัพธ์ได้ดีกว่า วิธีการจัดของหัวหน้าหมวดวิชาอย่างไรก็ตาม วิธีการที่ใช้แบบจำลองของทิลเลตยังจัดรายวิชาที่ให้ประสิทธิผลการสอน น้อยกว่า วิธีการจัดของหัวหน้าหมวดวิชา และใช้เวลา ค่าใช้จ่ายในเรื่องสื่อบันทึกข้อมูล มากกว่า วิธีการจัดของหัวหน้าหมวดวิชา ส่วนการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป EMPS (MIP MODE) มีข้อดีที่ การเขียนโปรแกรม การแปลผลลัพธ์สั้น เข้าใจง่าย มิวิธีการเพิ่มเติมช่วยหาผลลัพธ์ได้เร็วขึ้น และใช้ได้กับข้อมูลจำนวนมาก ๆ ได้สะดวก ส่วนข้อเสียคือ ต้องใช้เวลาและความละเอียดในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลมาก รวมทั้งค่าใช้จ่ายเรื่องสื่อบันทึกข้อมูลมากด้วย
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
เติมประยูร, กำพล, "การประยุกต์วิธีการโปรแกรมเชิงเส้น เพื่อกำหนดรายวิชาให้ครูผู้สอน : กรณีศึกษา โรงเรียนสระกะเทียมวิทยา จังหวัดนครปฐม" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 47815.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/47815