Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การสำรวจแนวบทบาทนักศึกษาตามการรับรู้ของนักศึกษา ในวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A survey of student role orientations as perceived by students in the Institute of Technology and Vocational Education

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

พรชลี อาชวอำรุง

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

อุดมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.384

Abstract

วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อสำรวจแนวบทบาทนักศึกษาตามการรับรู้ของนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา และเพื่อเปรียบเทียบแนวบทบาทนักศึกษา โดยจำแนกตามเพศระดับการศึกษา ประเภทวิชา สถานที่พักอาศัย และภูมิลำเนาเดิม วิธีดำเนินการวิจัย 1. การวิจัยครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงบรรยาย (Descriptive Research Method) โดยใช้กลุ่มตัวอย่างจากกนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หลักสูตร 2 ปี และระดับปริญญาตรีหลักสูตร 2 ปี ที่ลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2528 และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งเป็นพวกหรือชั้น (Stratified Random Sampling) ตามระดับการศึกษาและประเภทวิชาเป็นเกณฑ์ ได้กลุ่มตัวอย่าง 759 คน แจกแบบสอบถามไปตามวิทยาเขต และคณะในสังกัดวิทยาลัยฯ และได้รับตอบคืนมา 727 คิดเป็นร้อยละ 95.78 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเองจากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และผลงานวิจัยที่เกี่ยวกับลักษณะของนักศึกษา ประเภทของนักศึกษา วัฒนธรรมย่อยของนักศึกษา และแนวบทบาทนักศึกษา แล้วนำมาประมวลเป็นแนวบทบาทนักศึกษาที่สามารถครอบคลุมลักษณะของนักศึกษาไทย 8 แนวบทบาท จากนั้นจึงนำมาสร้างเป็นข้อกระทงให้สอดคล้องกับพฤติกรรม และสภาพแวดล้อมของนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ลักษณะของแบบสอบถามเป็นแบบมาตรส่วนประเมินค่า (Rating Scale) 3. การวิเคราะห์ข้อมูล ได้นำแบบสอบถามมาวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพส่วนตัวของนักศึกษาด้วยการแจกแจงความถี่ และหาค่าร้อยละ ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับแนวบทบาทนักศึกษาใช้วิธีการหาค่าคะแนนเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยการรับรู้ตามแนวบทบาทนักศึกษาด้วยค่าสถิติที – เทสต์ (t – test) วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวด้วยค่าสถิติ เอฟ – เทสต์ (F – test) และทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่โดยวิธีการของเซฟเฟ่ (Scheffe) สรุปผลการวิจัย 1. นักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา มีการรับรู้ตามแนวบทบาทในการฝึกฝนเพื่อการประกอบอาชีพสูงที่สุด รองลงมาได้แก่ แนวบทบาทในการพัฒนาสังคมและมีการรับรู้ตามแนวบทบาทที่ทำพอเป็นพิธีต่ำที่สุด 2. การเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าคะแนนเฉลี่ยการรับรู้ตามแนวบทบาทนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา จำแนกตามเพศ ระดับการศึกษา ประเภทวิชา สถานที่พักอาศัย และภูมิลำเนาเดิม มีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้ 2.1 แนวบทบาททางวิชาการและการเป็นนักศึกษา พบว่า นักศึกษาชายมีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาหญิง อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 และพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 คือ นักศึกษาประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรมมีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาประเภทวิชาอื่น ๆ และนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคใต้มีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคกลาง 2.2 แนวบทบาทในการใช้สติปัญญา พบว่า นักศึกษาชายมีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาหญิง อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 นักศึกษาประเภทวิชาศิลปกรรมมีการับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม และนักศึกษาประเภทวิชาบริหารธุรกิจ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 2.3 แนวบทบาทในการใช้ชีวิตในสถาบันอุดมศึกษาอย่างเต็มที่ พบว่านักศึกษาที่มีเพศ ระดับการศึกษา ประเภทวิชา ลักษณะสถานที่พักอาศัย และภูมิลำเนาต่างกัน มีการรับรู้ตามแนวบทบาทไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 2.4 แนวบทบาทในการนำประสบการณ์จากการทำกิจกรรมในสถาบันไปใช้ให้เป็นประโยชน์ พบว่า นักศึกษาชายมีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาหญิงอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 และพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 คือ นักศึกษาประเภทวิชาเกษตรกรรมมีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาประเภทวิชาอื่น ๆ นักศึกษาที่พักอาศัยอยู่หอพักเอกชนหรือบ้านเช่ามีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาที่พักอยู่บ้านบิดามารดาหรือผู้ปกครอง และนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคใต้ มีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคกลาง 2.5 แนวบทบาทในการฝึกฝนเพื่อการประกอบอาชีพ พบว่า นักศึกษาประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรมมีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาประเภทวิชาบริหารธุรกิจ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 2.6 แนวบทบาทในการพัฒนาสังคม พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 คือ นักศึกษาประเภทวิชาเกษตรกรรมมีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาประเภทวิชาอื่น ๆ นักศึกษาที่พักอาศัยอยู่หอพักเอกชนหรือบ้านเช่า พักอยู่สถานที่อื่น ๆ และพักอยู่หอพักวิทยาลัยมีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาที่พักอยู่บ้านบิดามารดาหรือผู้ปกครอง และนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ มีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคกลาง 2.7 แนวบทบาททีทำพอเป็นพิธี พบว่า นักศึกษาที่มีเพศ ระดับการศึกษาประเภทวิชา ลักษณะสถานที่พักอาศัย และภูมิลำเนาเดิมต่างกัน มีการรับรู้ตามแนวบทบาทไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 2.8 แนวบทบาทนักรณรงค์ทางการเมือง พบว่า นักศึกษาชายมีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาหญิง อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 และพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 คือ นักศึกษาประเภทวิชาเกษตรกรรมมีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาประเภทวิชาอื่น ๆ นักศึกษาที่พักอยู่สถานที่อื่น ๆ และพักอยู่หอพักเอกชน หรือบ้านเช่ามีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาที่พักอยู่บ้านบิดามารดาหรือผู้ปกครองและนักศึกษาที่ภูมิลำเนาอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ มีการรับรู้ตามแนวบทบาทสูงกว่านักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคกลาง ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัย ผู้วิจัยได้เสนอแนะว่าวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาควรจัดสภาพแวดล้อม ทั้งในด้านหลักสูตร การเรียนการสอน การให้บริการ ตลอดจนการจัดกิจกรรมนักศึกษาให้สอดคล้องกับแนวบทบาทนักศึกษา เพื่อช่วยให้นักศึกษาได้พัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีความพร้อมทางด้านชีพ สติปัญญา ความรู้ และความสามารถในการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อันจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป

Share

COinS