Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
รูปแบบของอีสตราดิออล โปรเจสเตอโรน และลูทีนนไนนซิงฮอร์โมน ในเลือดของลิงหางยาวเพศเมียวัยเจริญพันธุ์ที่มีความสามารถในการสืบพันธุ์ต่ำและการรักษาด้วยคลอมิฟีน ซิเตรท
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Serum patterns of estradiol progesterone and luteinizing hormone in sub-fertile adult female Macaca fascicularis and clomiphene citrate treatment
Year (A.D.)
1986
Document Type
Thesis
First Advisor
ประคอง ตังประพฤทธิ์กุล
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
สรีรวิทยา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1986.598
Abstract
การศึกษารูปแบบของฮอร์โมนอีสตราดิออล โปรเจสเตอโรน และลูทีนไนซิงฮอร์โมนโดยวิธีเรดิโออิมมิวโนแอสเสย์ในลิงหางยาวเพศเมียวัยเจริญพันธุ์ที่มีความสามารถในการสืบพันธุ์ต่ำ อายุ 6-10 ปี จำนวน 6 ตัว จากศูนย์วิจัยไพรเมต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าลิง 2 ตัว มีระดับอีสตราดิออล และโปรเจสเตอโรนในระหว่างรอบเดือนเป็นปกติ ลิงทั้ง 2 ตัว สามารถตั้งครรภ์ได้เมื่อนำไปผสมกับเพศผู้ที่มีความสามารถในการสืบพันธุ์สูงในช่วงเวลาที่เหมาะสมโดยไม่ต้องใช้คลอมิฟีน ซิเตรทในการรักษา ส่วนลิงอีก 4 ตัว มีระดับอีสตราดิออลต่ำในระหว่างการเจริญของฟอลลิเดิล (0.12-0.36 นาโนโมลต่อลิตร เทียบกับ 0.21-0.80 นาโนโมลต่อลิตร) และระยะก่อนตกไข่ พบปริมาณอีสตราดิออลเพียง 0.61-0.78 นาโนโมลต่อลิตร เมื่อเทียบกับลิงปกติ 1.30-2.06 นาโนโมลต่อลิตร ระดับลูทีนไนซิงฮอร์โมนในระยะก่อนตกไข่ จะพบระดับสูงสุดระหว่าง 90-128 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งในลิงปกติจะสูงถึง 176-343 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร และในระยะลูเทียลก็มีระดับโปรเจสเตอโรนต่ำ 3.84-4.96 นาโนโมลต่อลิตร เทียบกับ 12.33-24.82 นาโนโมลต่อลิตร นอกจากนี้ยังพบว่า ลิง 3 ตัว ในจำนวน 4 ตัวนี้ มีระยะลูเทียลสั้น (8-11 วัน เทียบกับ 12-15 วันในลิงปกติ) การมีระดับอีสตราดิออล ลูทีนในซิงฮอร์โมน และโปรเจสเตอโรนต่ำในระหว่างรอบประจำเดือน และการมีระยะลูเทียลสั้นของลิงทั้ง 4 ตัวนี้ พบว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฤดู เนื่องจากในฤดูฝนและฤดูแล้งลิงทุกตัวยังคงมีรูปแบบฮอร์โมนเหมือนเดิม เมื่อใช้คลอมิฟีน ซิเตรท ทดลองรักษาลิง 4 ตัวที่มีความผิดปกติของระดับฮอร์โมนโดยให้ลิงกินในขนาด 10 มิลลิกรัมต่อวัน ในวันที่ 1-5 ของรอบประจำเดือน พบว่าลิงทุกตัวมีระดับอีสตราดิออลในระหว่างการเจริญของฟอลลิเคิลเพิ่มขึ้นเป็น 0.26-0.79 นาโนโมลต่อลิตร ระยยะตกไข่เพิ่มขึ้นเป็น 1.96-2.72 นาโนโมลต่อลิตร ลูทีนไนซิงฮอร์โมนเพิ่มขึ้นเป็น 227-360 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ระดับโปรเจสเตอโรนในระยะลูเทียลเพิ่มขึ้นเป็น 14.01-22.61 นาโนโมลต่อลิตร เมื่อนำลิงกลุ่มนี้ไปผสมกับพ่อพันธุ์ในช่วงกลางของรอบเดือนลิง 2 ตัวสามารถตั้งครรรภ์ได้ ส่วนลิงอีก 2 ตัว พบว่ามีระยะลูเทียลยาวขึ้นเป็น 16-17 วัน จากการศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่า 1. ลิงหางยาวที่มีความสามารถในการสืบพันธุ์ต่ำ อาจเนื่องจากช่วงเวลาใช้ในการผสมหรือเพศผู้ที่ใช้ไม่เหมาะสม หรืออาจเนื่องจากมีระดับฮอร์โมนอีสตราดิออล ลูทีนไนซิงฮอร์โมน และโปรเจสเตอโรน ต่ำกว่าปกติ 2. การใช้คลอมิฟีน ซิเตรทอาจมีผลในการปรับปรุงความสามารถในการสืบพันธุ์ในลิงหางยาวเพศเมียที่มีความผิดปกติของระดับฮอร์โมนได้เช่นเดียวกับในสตรี
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สระวาสี, ศิริมา, "รูปแบบของอีสตราดิออล โปรเจสเตอโรน และลูทีนนไนนซิงฮอร์โมน ในเลือดของลิงหางยาวเพศเมียวัยเจริญพันธุ์ที่มีความสามารถในการสืบพันธุ์ต่ำและการรักษาด้วยคลอมิฟีน ซิเตรท" (1986). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 47630.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/47630