Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

สภาพและปัญหาการปฏิบัติกิจกรรม ตามกระบวนการวางแผนการศึกษานอกโรงเรียน ตามการรับรู้ของผู้บริหาร ของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Status and problems of performing activities along the non-formal educational planning process as perceived by the administrators in provincial non-formal educational centers

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

อุ่นตา นพคุณ

Second Advisor

ชูเกียรติ ลีสุวรรณ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิจัยการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.357

Abstract

วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาในการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนการศึกษานอกโรงเรียน ตามการรับรู้ของผู้บริหารของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด 2. เพื่อเปรียบเทียบการรับรู้เกี่ยวกับสภาพและปัญหาในการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนการศึกษานอกโรงเรียน ระหว่างผู้บริหารระดับศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด และผู้บริหารระดับฝ่ายของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด 3. เพื่อเปรียบเทียบการรับรู้เกี่ยวกับสภาพและปัญหาการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนการศึกษานอกโรงเรียนระหว่างผู้บริหารระดับฝ่าย ของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด คือ หัวหน้าฝ่ายบริหาร หัวหน้าฝ่ายแผนงานและโครงการ หัวหน้าฝ่ายการศึกษาสายสามัญ หัวหน้าฝ่ายการศึกษาสายอาชีพ หัวหน้าฝ่ายการศึกษามวลชน และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาและฝึกอบรม วิธีการดำเนินการวิจัยและการวิเคราะห์ข้อมูล กลุ่มตัวยอย่างประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ ผู้บริหารของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้บริหารระดับศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดซึ่งกำลังปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่ในศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด 50 ศูนย์ จำนวนทั้งสิ้น 317 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามจำนวน 1 ชุด ซึ่งถามเกี่ยวกับการรับรู้ของผู้บริหารเกี่ยวกับสภาพและปัญหาในการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนการศึกษานอกโรงเรียนของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด แบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบ (Check-List) แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating-Scale) และคำถามปลายเปิด (Open Ended) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยส่งแบบสอบถามไปยังศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดทั้ง 50 ศูนย์ โดยทางไปรษณีย์ ได้รับแบบสอบถามคืนมา 337 ชุด ในจำนวนนี้แบบสอบถามที่ใช้ได้จำนวน 317 ชุด คิดเป็นร้อยละ 79.225 นำผลที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าร้อยละ จัดอันดับ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานทดสอบค่าที และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวและทดสอบความแตกต่างระหว่างคู่โดยใช้วิธีของเซฟเฟ (Scheffe Multiple Range Test) โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSSˣ (The Statistical Package for the Social Science) ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ 1. จากการศึกษาเกี่ยวกับสภาพในการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนตามการรับรู้ของผู้บริหารของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด โดยส่วนรวมพบว่า ศูนย์ฯจังหวัดได้ปฏิบัติกิจกรรมในทุกขั้นตอนของกระบวนการวางแผนอยู่ในระดับปานกลางทุกขั้นตอนหากเรียงตามลำดับคะแนนเฉลี่ย ศูนย์ฯจังหวัดได้ปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผน ในขั้นนำแผนไปปฏิบัติและขั้นปรับแผนและ/หรือจัดทำแผนใหม่ อยู่ในอันดับหนึ่ง และได้ปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนในขั้นติดตาม ควบคุม และประเมินผล อยู่ในอันดับสุดท้าย 2. จากการทดสอบความแตกต่างระหว่างการรับรู้ของผู้บริหารระดับศูนย์ฯจังหวัดและผู้บริหารระดับฝ่าย เกี่ยวกับสภาพการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนโดยส่วนรวม พบว่าผู้บริหารระดับศูนย์ฯจังหวัด และผู้บริหารระดับฝ่ายมีการรับรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ในทุกขั้นตอนของกระบวนการวางแผนโดยที่ผู้บริหารระดับศูนย์ฯจังหวัดรับรู้ว่าศูนย์ฯจังหวัดได้ปฏิบัติกิจกรรมในทุกขั้นตอนอยู่ในระดับที่สูงกว่า ผู้บริหารระดับฝ่ายรับรู้ 3. จากการทดสอบความแตกต่างระหว่างการรับรู้ของผู้บริหารระดับฝ่าย 6 ฝ่ายเกี่ยวกับสภาพการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผน โดยส่วนรวม พบว่าผู้บริหารระดับฝ่ายทุกฝ่ายมีการรับรู้ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ เกี่ยวกับสภาพการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนในขั้นเตรียมการวางแผน ขั้นวางแผนและจัดทำแผน ขั้นนำแผนไปปฏิบัติ และขั้นติดตาม ควบคุม และประเมินผล ส่วนสภพาการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนในขั้นปรับแผนและ/หรือจัดทำแผนใหม่ ผู้บริหารระดับฝ่ายที่ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายแผนงานและโครงการ รับรู้ว่าศูนย์ฯจังหวัด ได้ปฏิบัติกิจกรรมในขั้นนี้อยู่ในระดับที่สูงกว่าหัวหน้าฝ่ายการศึกษาสายสามัญ 4. จากการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาในการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนตามการรับรู้ของผู้บริหารของศูนย์ฯจังหวัด พบว่าศูนย์ฯจังหวัดประสบปัญหาอยู่ในระดับปานกลางในทุกขั้นตอนของกระบวนการวางแผน หากเรียงตามลำดับคะแนนเฉลี่ยพบว่า ศูนย์ฯจังหวัดประสบปัญหาในการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนในขั้นเตรียมการวางแผนมากเป็นอันดับหนึ่ง และประสบปัญหาในขั้นปรับแผนและ/หรือจัดทำแผนใหม่อยู่ในอันดับสุดท้าย 5. จากการทดสอบความแตกต่างระหว่างการรับรู้ของผู้บริหารระดับศูนย์ฯจังหวัดและผู้บริหารระดับฝ่ายเกี่ยวกับปัญหาในการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผน โดยส่วนรวม พบว่าผู้บริหารระดับศูนย์ฯจังหวัด และผู้บริหารระดับฝ่าย มีการรับรู้โดยส่วนรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ในทุกขั้นตอนของกระบวนการวางแผน โดยที่ผู้บริหารระดับฝ่ายรับรู้ว่าศูนย์ฯจังหวัดประสบปัญหาในแต่ละขั้นตอนอยู่ในระดับที่สูงกว่าผู้บริหารระดับศูนย์ฯจังหวัดรับรู้ 6. จากการทดสอบความแตกต่างระหว่างการรับรู้ของผู้บริหารระดับฝ่าย 6 ฝ่ายเกี่ยวกับปัญหาในการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผน โดยส่วนรวมพบว่าผู้บริหารระดับฝ่ายทุกฝ่ายมีการรับรู้ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ เกี่ยวกับปัญหาการปฏิบัติกิจกรรมตามกระบวนการวางแผนในขั้นเตรียมการวางแผน ปัญหาในขั้นวางแผนและจัดทำแผน ปัญหาในขั้นนำแผนไปปฏิบัติ และปัญหาในขั้นติดตาม ควบคุม และประเมินผล ส่วนปัญหาในขั้นปรับแผนและ/หรือจัดทำแผนใหม่ผู้บริหารระดับฝ่ายทที่ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายการศึกษาสายสามัญรับรู้ว่าศูนย์ฯจังหวัดได้ประสบปัญหาในขั้นนี้อยู่ในระดับที่สูงกว่า ผู้บริหารระดับฝ่ายที่ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายการศึกษาสายอาชีพ

Share

COinS