Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความสัมพันธ์ระหว่างเจตคติของนักศึกษาวิชาทหารในกรุงเทพมหานคร ต่อการเรียนวิชารักษาดินแดน กับมโนทัศน์ความเป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Relationship between attitude towards learning territorial deffence of the reserve officer training students in Bangkok Metropolis and their concepts of citizenship within a democratic system

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

ประคอง กรรณสูต

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิจัยการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.425

Abstract

การวิจัยนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเจตคติของนักศึกษาวิชาทหารต่อการเรียนวิชารักษาดินแดนกับมโนทัศน์ความเป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย เปรียบเทียบเจตคติต่อการเรียนวิชารักษาดินแดน และเปรียบเทียบมโนทัศน์ความเป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย ระหว่างนักศึกษาวิชาทหารชายและหญิง ตัวอย่างประชากรทั้งหมด 520 คน เป็นนักศึกษาวิชาทหารชาย 261 คน นักศึกษาวิชาทหารหญิง 259 คน เครื่องมือในการวิจัยคือ แบบวัดเจตคติต่อการเรียนวิชารักษาดินแดน ซึ่งผู้วิจัยสร้างตามมาตราวัดเจตคติใช้สเกลตามแบบของลิเคอท และใช้แบบวัดมโนทัศน์ความเป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตยของ วารี แสนสุข ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้นำแบบวัดทั้งสองชุดไปทดสอบนักศึกษาวิชาทหารที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง แล้วนำผลที่ได้มาตรวจและวิเคราะห์ข้อมูล โดยหาความสัมพันธ์ระหว่างเจตคติต่อการเรียนวิชารักษาดินแดน กับมโนทัศน์ความเป็นพลเมืองดีของนักศึกษาวิชาทหาร โดยการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน การเปรียบเทียบเจตคติต่อการเรียนวิชารักษาดินแดน และการเปรียบเทียบมโนทัศน์ความเป็นพลเมืองดี ระหว่างนักศึกษาวิชาทหารชายและหญิง ใช้วิธีทดสอบความแตกต่างของค่ามัชฌิมเลขคณิต ชนิดข้อมูลที่ตัวอย่างประชากรไม่สัมพันธ์กัน โดยการทดสอบค่าสถิติที (t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1. เจตคติต่อการเรียนวิชารักษาดินแดนของนักศึกษาวิชาทหารมีความสัมพันธ์ทางบวก กับมโนทัศน์ความเป็นพลเมืองดี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (rₓᵧ = 0.3327) และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ดังกล่าวสามารถทำนายได้ประมาณร้อยละ 11 เจตคติต่อการเรียนวิชารักษาดินแดนของนักศึกษาวิชาทหารชาย และนักศึกษาวิชาทหารหญิง มีความสัมพันธ์ทางบวก กับมโนทัศน์ความเป็นพลเมืองดี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (rₓᵧ = 0.3940 และ 0.2096 ตามลำดับ) และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ทั้งสองดังกล่าว สามารถทำนายได้ประมาณร้อยละ 15 และร้อยละ 4 ตามลำดับ 2. นักศึกษาวิชาทหารหญิงมีเจตคติต่อการเรียนวิชารักษาดินแดน ดีกว่านักศึกษาวิชาทหารชาย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 3. นักศึกษาวิชาทหารยิงมีมโนทัศน์ความเป็นพลเมืองดี ดีกว่านักศึกษาวิชาทหารชาย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

Share

COinS