Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การวิเคราะห์ความลำเอียงของแบบสอบวิชาคณิตศาสตร์ โครงการตรวจสอบคุณภาพการศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2526
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Test bias analysis of mathematics test of the mational assessment of educational program for mathayom suksa six in academic year 1983
Year (A.D.)
1987
Document Type
Thesis
First Advisor
อุดมพร จามรมาน
Second Advisor
ชูศักดิ์ ขัมภลิขิต
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
วิจัยการศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1987.422
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงความลำเอียงของแบบสอบ โดยใช้ข้อมูลซึ่งได้จากการทดสอบด้วยแบบสอบวิชาคณิตศาสตร์ของโครงการตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2526 และเปรียบเทียบจำนวนข้อกระทงที่มีความลำเอียงระหว่างกลุ่มนักเรียนในภาคภูมิศาสตร์ทั้ง 5 ภาค คือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ด้วยวิธีวิเคราะห์ 3 วิธีคือ วิธีกำหนดจุดค่าเดลต้า วิธีทดสอบความแตกต่างระหว่างกลุ่มด้วยสถิติไคสแควร์ในโมเดลลอกลีเนีย 2 โมเดล คือ โมเดลที่ไม่มีพารามิเตอร์ผลร่วมระหว่างระดับคะแนนกับกลุ่ม และโมเดลที่ไม่มีพารามิเตอร์ของผลหลักที่เกิดจากกลุ่ม และวิธีการตอบสนองของข้อกระทง 3 พารามิเตอร์ ข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์เป็นผลการตอบข้อกระทงรายข้อของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 วิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งสำนักงานทดสอบทางการศึกษา กรมวิชาการ ได้เก็บบันทึกลงบนเทปบันทึกข้อมูลโดยสุ่มตัวอย่างแบบง่าย จำนวนร้อยละ 5.0 ของจำนวนประชากรในแต่ละภาคภูมิศาสตร์ที่ตัดผู้ได้คะแนนรวมเป็นศูนย์ออก ได้จำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 7,036 คน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า 1. เมื่อวิเคราะห์ค่าความยากของข้อกระทงของกลุ่มนักเรียนในทุกภาคภูมิศาสตร์รวมทั้งในกรุงเทพมหานครตามทฤษฎีดั้งเดิมแล้วจำแนกออกเป็น 3 ระดับ คือ กลุ่มข้อที่ยาก กลุ่มข้อที่ยาก-ง่ายปานกลาง และกลุ่มข้อที่ง่าย พบว่าข้อที่ปรากฏในทุกๆ ภาครวมทั้งกรุงเทพมหานครเหมือนกันในแต่ละระดับค่าความยากซึ่งถือว่าไม่มีความลำเอียงมีจำนวน 17 ข้อ และมีข้อที่ลำเอียงเข้าหาภาคจำนวน 43 ข้อ 2. การเปรียบเทียบจำนวนข้อที่ลำเอียงระหว่างกลุ่มนักเรียนในกรุงเทพมหานครกับกลุ่มนักเรียนในแต่ละภาคภูมิศาสตร์ ด้วยเทคนิควิธีวิเคราะห์ 3 วิธี พบว่า 2.1 วิธีการตอบสนองข้อกระทง 3 พารามิเตอร์ จะพบข้อกระทงที่มีความลำเอียงในแต่ละภาคจำนวนมากที่สุด ในแต่ละเทคนิควิธีพบว่ามีข้อกระทงที่ลำเอียงซ้ำกันระหว่างกลุ่มนักเรียนในกรุงเทพมหานครกับกลุ่มนักเรียนในทุกๆ ภาค นอกเหนือจากข้อที่ซ้ำกันแล้ว ยังพบว่าในแต่ละภาคมีข้อกระทงที่มีความลำเอียงกับกลุ่มกรุงเทพมหานครไม่เท่ากันในแต่ละเทคนิควิธี ในวิธีที่ 1 และ 2 พบว่าข้อที่มีความลำเอียงมีจำนวนมากที่สุด ระหว่างกลุ่มนักเรียนในกรุงเทพมหานครและกลุ่มนักเรียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวิธีที่ 3 พบข้อที่มีความลำเอียงมีจำนวนมากที่สุดระหว่างกลุ่มนักเรียนในกรุงเทพมหานครกับกลุ่มนักเรียนในภาคตะวันออก 2.2 ทั้ง 3 เทคนิควิธี พบข้อกระทงที่มีความลำเอียงซ้ำกันในการเปรียบเทียบภายในภาคเดียวกัน ข้อกระทงที่พบความลำเอียงทั้ง 3 เทคนิค ส่วนใหญ่เป็นข้อที่ง่ายสำหรับกลุ่มนักเรียนในกรุงเทพมหานครมากกว่ากลุ่มนักเรียนในภาคอื่นๆ ตามวิธีวิเคราะห์ที่ 1 และเป็นข้อที่ลำเอียงรูปแบบเดียวกันในการวิเคราะห์ด้วยวิธีที่ 2 ในวิธีวิเคราะห์ที่ 3 พบว่าเป็นข้อที่มีความลำเอียงในเกณฑ์ต่ำ ทั้ง 3 เทคนิควิธีไม่พบข้อกระทงที่มีความลำเอียงซ้ำกันระหว่างกลุ่มนักเรียนในกรุงเทพมหานครกับกลุ่มนักเรียนในทุกๆ ภาคภูมิศาสตร์
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
พีรมนตรี, ทัศนีย์, "การวิเคราะห์ความลำเอียงของแบบสอบวิชาคณิตศาสตร์ โครงการตรวจสอบคุณภาพการศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2526" (1987). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 46780.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/46780