Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบความสามารถในการควบคุมคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 ของวิธีเปรียบเทียบพหุคูณระหว่างบอนเฟอโรนนีที ไคสแควร์ของมาร์ซูโล และวิธีของทัมฮานน์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Comparison of the ability to control type I error of bonferroni T, Marascuilo's X2, and tamhane procedure for the multiple comparison method

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

ดิเรก ศรีสุโข

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิจัยการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.418

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการควบคุมความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 ของวิธีเปรียบเทียบพหุคูณ 3 วิธีคือ สถิติบอนเฟอโรนีที ไคสแควร์ของมาร์ซูโล และวิธีของทัมฮานน์ โดยศึกษาเฉพาะการเปรียบเทียบรายคู่ เมื่อกลุ่มตัวอย่างมาจากประชากรที่แจกแจงแบบปกติ และกำหนดขนาดความแปรปรวนของประชากรทั้งที่เท่ากันและแตกต่างกัน ศึกษากลุ่มตัวอย่าง 3, 4 และ 5 กลุ่ม โดยที่กลุ่มตัวอย่างทุกกลุ่มมีขนาดเท่ากันคือ ขนาด 5, 10, 15, 20, 25 และ 30 ทำการทดลองด้วยเทคนิคมอนติคาร์โลซีมูเลชั่น โดยจำลองการทดลองด้วยคอมพิวเตอร์ในการคำนวณหาอัตราความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 ของวิธีเปรียบเทียบพหุคูณทั้ง 3 วิธี ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. วิธีของทัมฮานน์ เมื่อใช้กับการเปรียบเทียบรายคู่ทุกคู่ มีความสามารถในการควบคุมความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 ได้มากกว่า สถิติบอนเฟอโรนีที และโคสแควร์ของมาร์ซูโล ทั้งสภาพการณ์ที่ความแปรปรวนของประชากรเท่ากันและแตกต่างกัน 2. เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะรายคู่ทุกคู่ อัตราความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 2 ของสถิติบอนเฟอโรนีทีจะเบี่ยงเบนในทิศทางที่น้อยกว่าอัตราความคลาดเคลื่อนที่ระบุสำรหับกรณีที่ความแปรปรวนของประชากรเท่ากัน และเมื่อความแปรปรวนของประชากรแตกต่างกันอัตราความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 จะมากกว่าอัตราความคลาดเคลื่อนที่ระบุ 3. อัตราความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 ของวิธีทดสอบแบบไคสแควร์ของมาร์ชูโล เมื่อทดสอบเฉพาะการเปรียบเทียบรายคู่ขึ้นอยู่กับขนาดกลุ่มตัวอย่างและจำนวนกลุ่มตัวอย่าง ถ้ากลุ่มตัวอย่างมีขนาดเล็กอัตราความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 จะสูงกว่าอัตราความคลาดเคลื่อนที่ระบุมาก เมื่อกลุ่มตัวอย่างมีขนาดเพิ่มขึ้นอัตราความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 1 จะมีแนวโน้มลดลง และเมื่อเพิ่มจำนวนกลุ่มตัวอย่างมากขึ้นอัตราความคลาดเคลื่อน ประเภทที่ 1 จะมีแนวโน้มลดต่ำลงด้วย เมื่อต้องเปรียบเทียบพหุคูณเฉพาะรายคู่ สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่มีขนาดเท่ากันทุกกลุ่มและการแจกแจงของประชากรเป็นแบบปกติทุกประชากร ผู้วิจัยเสนอแนะให้ใช้วิธีของทัมฮานน์

Share

COinS