Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การประยุกต์รูปแบบของราสช์ในการออกแบบโค้งแสดงสารสนเทศ ของแบบสอบผลสัมฤทธิ์วิชาคณิตศาสตร์ตามระดับความสามารถ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
An application of reasch model to design test information curve for mathematics achieivement test according to the ability level of prathom suksa six students
Year (A.D.)
1987
Document Type
Thesis
First Advisor
เยาวดี วิบูลย์ศรี
Second Advisor
ชูศักดิ์ ขัมภลิขิต
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
วิจัยการศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1987.410
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะนำรูปแบบขอราสช์มาประยุกต์ในการออกแบบโค้งแสดงสารสนเทศของแบบสอบด้วยการจัดข้อสอบที่มีระดับความยากง่ายให้เหมาะสมกับระดับความสามารถของนักเรียน แล้วศึกษาความแม่นยำ (precision) ในการวัดของแบบสอบที่จัดข้อสอบตามระดับความสามารถของนักเรียนด้วยวิธีการหาค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการประมาณค่าความสามารถของนักเรียนและค่าความเที่ยงของแบบสอบ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2529 จำนวน 1,429 คน จากประชากรนักเรียน 10,527 คน ด้วยวิธีการสุ่มแบบสองขั้นตอนโดยการสุ่มแต่ละขั้นใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่แบบสอบผลสัมฤทธิ์วิชาคณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก ที่วัดจุดประสงค์เดียวกัน 2 ฉบับๆ ละ 60 ข้อ การเก็บรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลผู้วิจัยได้ใช้แบบสอบผลสัมฤทธิ์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นดังกล่าวมาแล้วไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างแล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมวิเคราะห์ข้อสอบและโปรแกรมไบคาล (BICAL) เพื่อหาค่าพารามิเตอร์ของข้อสอบและพารามิเตอร์ความสามารถของกลุ่มตัวอย่าง การจัดกลุ่มความสามารถของนักเรียนใช้เกณฑ์การพิจารณาช่วงของค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็นเกณฑ์ในการแบ่งความสามารถเป็น 3 ระดับ คือ ความสามารถสูง ความสามารถปานกลาง และความสามารถต่ำ นำค่าความยากของข้อสอบ (b) ที่เหมาะสมกับรูปแบบของราสช์มาคำนวณค่าฟังก์ชั่นแสดงสารสนเทศของข้อสอบและแบบสอบ (Item and test information function) ทำการเขียนโค้งแสดงสารสนเทศของแบบสอบ (Test information curve) ปรับปรุงโค้งให้เหมาะสมกับกลุ่มความสามารถที่ต้องการ นำข้อสอบที่บรรจุอยู่ในโค้งเหล่านั้นไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างทั้ง 3 ระดับที่สุ่มไว้กลุ่มละ 200 คน เพื่อคำนวณหาค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการประมาณค่าความสามารถและค่าความเที่ยงของแบบสอบ ทำการเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการประมาณค่าความสามารถระหว่างกลุ่มผู้ทดสอบต่างๆ กับแบบสอบที่วัดความสามารถทั้ง 3 ระดับโดยการใช้ Kruskall wallis test ส่วนค่าความเที่ยงของแบบสอบได้แปลงเป็นคะแนนมาตรฐานฟิชเชอร์ซี (Fisher Z : Z[subscript r]) แล้วทำการทดสอบรวมด้วยค่าไคสแควร์ (Chi square : X²) ก่อน เมื่อพบความแตกต่างจึงนำมาทดสอบเป็นรายคู่ด้วยสถิติ ทดสอบซี (Z-test) ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. กลุ่มความสามารถต่ำและความสามารถสูง เมื่อทดสอบแบบสอบที่เหมาะสมกับความสามารถของตนเองได้ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการประมาณค่าความสามารถของนักเรียนแตกต่างจากแบบสอบที่เหมาะสมกับกลุ่มความสามารถอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 (p < .01) ส่วนกลุ่มความสามารถปานกลางเมื่อทดสอบแบบสอบที่เหมาะสมกับความสามารถต่างๆ ทั้ง 3 ระดับได้ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการประมาณค่าความสามารถไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 (p < .05) 2. ค่าความเที่ยงของแบบสอบเมื่อกลุ่มความสามารถต่ำสอบแบบสอบที่เหมาะสมกับความสามารถต่ำแล้วมีค่าสูงกว่าค่าความเที่ยงที่ได้จากแบบสอบฉบับอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 (p < .01) กลุ่มความสามารถปานกลางสอบแบบสอบที่เหมาะสมกับความสามารถปานกลางมีค่าความเที่ยงสูงกว่าที่ได้จากแบบสอบที่เหมาะสมกับความสามารถต่ำอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 (p < .05) และมีค่าต่ำกว่าที่ได้จากแบบสอบที่เหมาะสมกับความสามารถสูงอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 (p < .01) ส่วนกลุ่มความสามารถสูงสอบแบบสอบที่เหมาะสมกับความสามารถสูงได้ค่าความเที่ยงสูงกว่าที่ได้จากแบบสอบที่เหมาะสมกับความสามารถปานกลางอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 (p < .05)
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
แสนทวี, บัญชา, "การประยุกต์รูปแบบของราสช์ในการออกแบบโค้งแสดงสารสนเทศ ของแบบสอบผลสัมฤทธิ์วิชาคณิตศาสตร์ตามระดับความสามารถ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6" (1987). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 46768.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/46768