Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบคุณภาพของแบบสอบโมดิฟายด์โคลซ 4 รูปแบบ

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A comparison of the quality among the four types of modiefied cloze tests

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

พวงแก้ว ปุณยกนก

Second Advisor

วาสนา โกวิทยา

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิจัยการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.407

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เปรียบเทียบคุณภาพในการวัดความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษของแบบสอบโมดิฟายด์โคลซ 4 รูปแบบ คือ แบบที่มีตัวอักษรชี้แนะ แบบที่มีช่องว่างเท่าจำนวนตัวอักษรที่ต้องเติม แบบจับคู่ และแบบเลือกตอบ ในด้านความเที่ยงและความตรงของแบบสอบ (2) เปรียบเทียบคะแนนที่ได้จากแบบสอบโมดิฟายด์โคลซ 4 รูปแบบ ในกลุ่มนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ปานกลาง และต่ำ (3) ศึกษาปฏิกิริยาร่วมระหว่างลักษณะของแบบสอบกับระดับผลสัมประสิทธิ์ทางการเรียนที่มีต่อคะแนนในการตอบแบบสอบโมดิฟายด์โคลซทั้ง 4 รูปแบบ เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (อ. 015) ของกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ และแบบสอบวัดความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบสอบโมดิฟายด์โคลซ 4 รูปแบบ ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นจากบทความเดียวกัน สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งหลายขั้นตอน จากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคต้น ปีการศึกษา 2529 ของโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร จำนวน 401 คน แล้วแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม โดยการสุ่มอย่างเป็นระบบ เพื่อให้กลุ่มที่หนึ่งตอบแบบสอบโมดิฟายด์โคลซแบบที่มีตัวอักษรชี้แนะ กลุ่มที่สองตอบแบบสอบโมดิฟายด์โคลซแบบทีมีช่องว่างเท่าจำนวนตัวอักษรที่ต้องเติมกลุ่มที่สามตอบแบบสอบโมดิฟายด์โคลซแบบจับคู่ และกลุ่มที่สี่ตอบแบบสอบโมดิฟาย์โคลซแบบเลือกตอบ ได้จำนวนนักเรียนในแต่ละกลุ่มเป็น 98, 90, 109 และ 104 คนตามลำดับ และในแต่และกลุ่มยังแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ปานกลางและต่ำ โดยแบ่งตามคะแนนจากแบบสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ (อ. 015) ของกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งผู้วิจัยนำไปทดสอบกับนักเรียนที่ใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดและแบบสอบนี้ยังได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการหาความตรงของแบบสอบที่ศึกษาด้วย แล้วนำข้อมูลไปวิเคราะห์ตามวิธีการทางสถิติต่อไปนี้ (1) หาค่าความเที่ยงของแบบสอบแต่ละฉบับ โดยใช้สูตรคูเดอร์ ริชาร์ดสัน 20 (2) หาค่าความตรงของแบบสอบโดยใช้สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (3) เปรียบเทียบค่าความเที่ยงและความตรงของแบบสอบทั้ง 4 รูปแบบ โดยเปลี่ยนเป็นสัมประสิทธิ์ฟิซเชอร์ซี (4) วิเคราะห์ความแตกต่างของคะแนนที่ได้จากแบบสอบโมดิฟายด์โคลซทั้ง 4 รูปแบบ ในกลุ่มนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกัน 3 ระดับ โดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวน 2 ทาง และทดสอบความแตกต่างภายหลังด้วยวิธีของเซฟ เฟ ผลการวิจัยปรากฏว่า 1) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05 ค่าความเที่ยงของแบบสอบโมดิฟายด์โคลซแบบที่มีตัวอักษรชี้แนะ และแบบที่มีช่องว่างเท่าจำนวนตัวอักษรที่ต้องเติมไม่แตกต่างกัน ค่าความเที่ยงของแบบสอบโมดิฟายด์โคลซแบบที่มีตัวอักษรชี้แนะสูงกว่าแบบจับคู่และแบบเลือกตอบ ค่าความเที่ยงของแบบสอบโมดิฟายด์โคลซแบบที่มีช่องว่างเท่าจำนวนตัวอักษรที่ต้องเติมและแบบจับคู่ไม่แตกต่างกัน ค่าความเที่ยงของแบบสอบโมดิฟายด์โคลซแบบที่มีช่องว่างเท่าจำนวนตัวอักษรที่ต้องเติมสูงกว่าแบบเลือกตอบ และค่าความเที่ยงของแบบสอบโมดิฟายด์โคลซแบบจับคู่สูงกว่าแบบเลือกตอบ 2) ค่าความตรงของแบบสอบโมดิฟายด์โคลซทั้ง 4 รูปแบบ ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ไม่มีปฏิกิริยาร่วมระหว่างลักษณะของแบบสอบโมดิฟายด์โคลซกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) นักเรียนทั้ง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ปานกลาง และค่าตอบแบบสอบทั้ง 4 รูปแบบ ได้คะแนนเฉลี่ยมีลักษณะเหมือนกันคือ ได้คะแนนเฉลี่ยจากแบบสอบโมดิฟายด์โคลซแบบที่มีตัวอักษรชี้แนะและแบบเลือกตอบ สูงกว่าจากแบบสอบโมดิฟายด์โคลซแบบที่มีช่องว่างเท่าจำนวนตัวอักษรที่ต้องเติมและแบบจับคู่ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

Share

COinS