Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และความคงทนของการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างกลุ่มที่มีการทดสอบย่อยทุกสัปดาห์ กับกลุ่มที่มีการทดสอบย่อยทุกบทเรียน

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Comparison of mathematics learning achievement and retention of mathayom suksa two students-between the group taking weekly formative test and the group taking unit test

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

ยุพิน พิพิธกุล

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

มัธยมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.386

Abstract

วัตถุประสงค์ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์และความคงทนของการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง ระหว่างกลุ่มที่มีการทดสอบย่อยทุกสัปดาห์กับกลุ่มที่มีการทดสอบย่อยทุกบทเรียน การดำเนินการวิจัย ตัวอย่างประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนวิมุตยารามพิทยากร จำนวน 2 กลุ่ม กลุ่มที่เรียนโดยการทดสอบย่อยทุกสัปดาห์เป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มที่เรียนโดยมีการทดสอบย่อยทุกบทเรียนเป็นกลุ่มควบคุม แต่ละกลุ่มมีจำนวนนักเรียน 34 คน ผู้วิจัยนำคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (ค 203) ของทั้งสองกลุ่มมาทดสอบภาวะแห่งความแปรปรวน (F-test) และทดสอบค่าที (t-test) ปรากฎว่านักเรียนทั้งสองกลุ่มมีพื้นฐานการเรียนคณิตศาสตร์ไม่แตกต่างกันที่ระดับความมีนัยสำคัญ 0.05 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ซึ่งสร้างขึ้นโดยผู้วิจัยมีดังนี้คือ บันทึกการสอนเรื่อง “สมการและอสมการ" “อัตราส่วนและร้อยละ" “ปริมาตรและพื้นที่ผิว" “การนำเสนอข้อมูล" นอกจากนั้นได้สร้างแบบทดสอบย่อยประจำสัปดาห์ ซึ่งสร้างตามจุดประสงค์การเรียนรู้แบ่งเป็น 10 ฉบับ มีค่าความเที่ยงเป็น 0.87, 0.91, 0.87, 0.86, 0.83, 0.64, 0.69, 0.60, 0.73, 0.61 ตามลำดับ และแบบทดสอบย่อยประจำบทเรียน ซึ่งสร้างตามจุดประสงค์การเรียนรู้ แบ่งเป็น 4 ฉบับ มีค่าความเที่ยงเป็น 0.94, 0.61, 0.81, 0.85 ตามลำดับ และแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาตร์ ซึ่งสร้างตามจุดประสงค์การเรียนรู้ มีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.88 ผู้วิจัยดำเนินการสอนทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมโดยใช้เวลาเท่ากัน คือ 40 คาบ ๆ ละ 50 นาที หลังจากเรียนจบในแต่ละสัปดาห์ให้กลุ่มทดลองทำการทดสอบย่อยประจำสัปดาห์ รวม 10 ครั้งส่วนกลุ่มควบคุมจะทำการทดสอบย่อยประจำบทเรียนหลังจากที่เรียนจบใหม่ในแต่ละบท รวม 4 ครั้ง เมื่อจบบทเรียนทั้งหมดแล้วให้ทั้งสองกลุ่มทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแล้วนำคะแนนมาหาค่ามัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบค่าที (t-test) หลังจากทั้งสองกลุ่มทดสอบไปแล้ว 2 สัปดาห์ จึงทดสอบความคงทนของการเรียนรู้ของทั้งสองกลุ่ม โดยใช้แบบทดสอบชุดเดิม แล้วนำผลมาวิเคราะห์หาค่ามัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบค่าที ผลการวิจัย 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของกลุ่มที่มีการทดสอบย่อยทุกสัปดาห์ไม่สูงกว่ากลุ่มที่มีการทดสอบย่อยทุกบทเรียนที่ระดับความมีนัยสำคัญ 0.05 ซี่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ 2. ความคงทนของการเรียนรู้ของกลุ่มที่มีการทดสอบย่อยทุกสัปดาห์สูงกว่ากลุ่มที่มีการทดสอบย่อยทุกบทเรียน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้

Share

COinS