Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบความต้องการการเสริมสมรรถภาพทางการสอน ระหว่างครูสังคมศึกษาระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A comparison of needs for teaching competency improvement between the social studies teachers in government and private secondary schools

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

พิบูลศรี วาสนสมสิทธิ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

มัธยมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.381

Abstract

วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อเปรียบเทียบความต้องการการเสริมสมรรถภาพทางการสอนระหว่างครูสังคมศึกษาระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน ในด้านต่อไปนี้ 1. การวางแผนการสอน 2. การดำเนินการสอน 3. การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร 4. ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีส่วนเสริมสมรรถภาพทางการสอนสังคมศึกษา ได้แก่ บุคลิกภาพ มนุษยสัมพันธ์ และการแนะแนวการเรียนการสอน 5. วิธีการจัดเสริมสมรรถภาพที่ครูสังคมศึกษาต้องการ วิธีดำเนินการวิจัย กลุ่มตัวอย่างประชากรในการวิจัย คือ ครูสังคมศึกษาระดับมัธยมศึกษา 124 คน จากโรงเรียนรัฐบาล 26 โรงเรียน และครูสังคมศึกษาระดับมัธยมศึกษา 96 คน จากโรงเรียนเอกชน 20 โรงเรียน ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ผู้วิจัยได้สร้างแบบสอบถามเพื่อสอบถามความต้องการการเสริมสมรรถภาพทางการสอนของครูสังคมศึกษา ประกอบด้วยแบบเลือกตอบ แบบประเมินค่า และแบบปลายเปิด และนำข้อมูลมาวิเคราะห์ โดยหาค่าร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิต (X̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และเปรียบเทียบความต้องการการเสริมสมรรถภาพทางกาสอนระหว่างครูสังคมศึกษาระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชนโดยวิธีการหาค่าความแตกต่างระหว่างมัชฌิมเลขคณิต โดยใช้ค่าที (t-test) ผลการวิจัย การเปรียบเทียบความต้องการการเสริมสมรรถภาพทางการสอนของครูสังคมศึกษาระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน ปรากฏผลดังนี้ 1. ความต้องการการเสริมสมรรถภาพทางการสอนด้านการวางแผนการสอนของครูสังคมศึกษาทั้งสองกลุ่ม ทั้งโดยส่วนรวม และโดยรายละเอียดแต่ละข้อ ไม่แตกต่างกันที่ระดับความมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.052. ความต้องการการเสริมสมรรถภาพทางการสอนด้านการดำเนินการสอนของครูสังคมศึกษาทั้งสองกลุ่มโดยส่วนรวม ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แต่เมื่อเปรียบเทียบความต้องการของครูทั้งสองกลุ่มในรายละเอียดแต่ละข้อ พบว่าความต้องการของครูสังคมศึกษาทั้งสองกลุ่มแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ในข้อต่อไปนี้ คือ ทักษะในการเสริมสร้างลักษณะนิสัยนักเรียนให้ใฝ่รู้และรักการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ทักษะในการประยุกต์วิธีสอนแบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับเนื้อหาวิชาและวุฒิภาวะของผู้เรียน และวิธีสอนเสริม เพื่อส่งเสริมนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง 3. ความต้องการการเสริมสมรรถภาพทางการสอนด้านการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรของครูสังคมศึกษาทั้งสองกลุ่ม ทั้งโดยส่วนรวม และใบรายละเอียดแต่ละข้อ ไม่แตกต่างกันที่ระดับความมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 4. ความต้องการการเสริมสมรรถภาพทางการสอนด้านปัจจัยอื่น ๆ ที่มีส่วนเสริมสมรรถภาพทางการสอนสังคมศึกษา ได้แก่ บุคลิกภาพ มนุษยสัมพันธ์ และการแนะแนวการเรียนการสอน ของครูสังคมศึกษาทั้งสองกลุ่ม โดยส่วนรวม ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แต่เมื่อเปรียบเทียบความต้องการในรายละเอียดแต่ละข้อพบว่า ครูสังคมศึกษา ทั้งสองกลุ่มมีความต้องการแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ในเรื่องต่อไปนี้ คือ วิธีการสังเกตและกลวิธีศึกษาความแตกต่างเป็นรายบุคคลทางด้านบุคลิกภาพ สติปัญญาความถนัด ความสนใจ และเจตคติของนักเรียน และวิธีการวินิจฉัยปัญหาและให้คำปรึกษาแก่นักเรียนในด้านการเรียนตลอดจนการวางแผนการศึกษาต่อให้สอดคล้องกับความถนัดทางอาชีพ 5. ความต้องการการเสริมสมรรถภาพทางการสอนด้านวิธีการจัดเสริมสมรรถภาพในรายละเอียดแต่ละข้อของครูสังคมศึกษาทั้งสองกลุ่ม ไม่แตกต่างกันทุกข้อที่ระดับความมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05

Share

COinS