Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ความรู้และความสามารถในการแก้ปัญหาของมารดาเกี่ยวกับอาหารเสริมของทารก : การศึกษาเฉพาะกรณีชุมชนบ้านครัวใต้
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Mothers' knowledge and ability in solving problem concerning supplementary food of the infants : a case study of Ban Kruatai community
Year (A.D.)
1987
Document Type
Thesis
First Advisor
ประนอม โอทกานนท์
Second Advisor
ประนอม รอดคำดี
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
พยาบาลศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1987.275
Abstract
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเฉพาะกรณี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้และความสามารถในการแก้ปัญหาของมารดาชุมชนบ้านครัวใต้ เกี่ยวกับอาหารเสริมของทารก ได้ทำการศึกษาจากประชากรจำนวนทั้งสิ้น 101 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ความรู้ และแบบสัมภาษณ์ความสามารถในการแก้ปัญหา เกี่ยวกับอาหารเสริมของทารกในเรื่อง ประเภทอาหารเสริมที่ให้จำแนกตามอายุ วิธีการเตรียมและประกอบอาหารเสริม และวิธีการให้อาหารเสริมแก่ทารก การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. มารดาทั้งหมดจำนวน 101 คน มีค่าเฉลี่ยความรู้เรื่องอาหารเสริมของทารกอยู่ในระดับปานกลาง ในจำนวนนี้พบมารดาร้อยละ 18. 8 มีค่าเฉลี่ยความรู้อยู่ในระดับดี ร้อยละ 11.9 มีค่าเฉลี่ยความรู้อยู่ในระดับน้อย และส่วนใหญ่ซึ่งพบร้อยละ 69. 3 มีความรู้เฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง 1.1 ประเภทอาหารเสริมที่มารดาเริ่มให้จำแนกตามอายุทารก พบว่า มารดาเริ่มให้อาหารเสริมแก่ทารก เมื่อทารกอายุ 3-4 เดือน เป็นจำนวนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 89. 10 แต่พบมารดาที่ให้อาหารเสริมได้ถูกต้องเมื่อบุตรอายุ 3-4 เดือน เพียงร้อยละ 38.88 1.2 การเตรียมและประกอบอาหารเสริม มารดาส่วนใหญ่มีวิธีการเตรียมและประกอบอาหารเสริมถูกต้อง คือ วิธีการเตรียมอาหารมารดาจะล้างมือ และล้างผักผลไม้ หรือ เนื้อก่อนประกอบเป็นอาหาร วิธีประกอบอาหารนั้น มารดาส่วนใหญ่ประกอบอาหารให้เหมาะสมกับสภาพของทารก เช่น ทารกยังไม่มีฟัน จะใช้วิธีบดให้ละเอียดหรือตุ๋น และ เมื่อทารกฟันขึ้นแล้วก็ให้อาหารชิ้นเล็ก ๆ 1.3 วิธีให้อาหารเสริมแก่ทารก มารดามากกว่าร้อยละ 50 มีความรู้ถูกต้องเรื่องวิธีการให้อาหารเสริมในจำนวน 8 ข้อ ในเรื่องจำนวนมื้อที่ให้อาหารเสริมที่เหมาะสมกับอายุทารก พบมารดาให้อาหาร 1 มื้อ เมื่อทารกอายุ 5-6 เดือน คิดเป็นร้อยละ 18.81 และจำนวนมารดาที่ให้อาหารเสริมแก่ทารก 3 มื้อ เมื่อทารกอายุ 9-12 เดือน คิดเป็นร้อยละ 23.80 2. มารดาทั้งหมด 101 คน มีค่าเฉลี่ยความสามารถในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับอาหารเสริมของทารกอยู่ในระดับปานกลาง พบมารดาระดับความรู้ดี ปานกลางและน้อย มีจำนวนใกล้เคียงกันคิดเป็นร้อยละ 33.7 34.6 และ 31.7 ตามลำดับ 2 .1 ความสามารถในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับอาหารเสริมที่ให้จำแนกตามอายุทารก พบว่ามารดาที่มีค่าเฉลี่ยความสามารถอยู่ในระดับดีและน้อยจำนวนใกล้เคียงกัน คิดเป็นร้อยละ 38.6 และ 40 .6 ส่วนมารดาที่มีค่าเฉลี่ยความสามารถระดับปานกลางคิดเป็นร้อยละ 20.8 2.2 ความสามารถในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับอาหารเสริมเรื่องวิธีการเตรียมและประกอบอาหารเสริม พบว่ามีมารดาที่มีค่าเฉลี่ยความสามารถอยู่ในระดับน้อย มีจำนวนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 47.5 และมารดาที่มีค่าเฉลี่ยความสามารถระดับดีและปานกลางมีจำนวนใกล้เคียงกัน คิดเป็นร้อยละ 24. 8 และ 27.7 ตามลำดับ 2.3 ความสามารถในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับอาหารเสริมเรื่องวิธีการให้อาหารเสริมแก่ทารก พบมารดาที่มีค่าเฉลี่ยความสามารถอยู่ในระดับดี ร้อยละ 53.5 ระดับปานกลาง และน้อย คิดเป็นร้อยละ 21.8 และ 24.7 ตามลำดับ
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
วนะโพธิ์, ธีรนุช, "ความรู้และความสามารถในการแก้ปัญหาของมารดาเกี่ยวกับอาหารเสริมของทารก : การศึกษาเฉพาะกรณีชุมชนบ้านครัวใต้" (1987). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 46609.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/46609