Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาการบริบาลทารกแรกเกิดของมารดา ในภาคเหนือของประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A study of neonatal case of mothers in the northern region of Thailand

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

ประนอม โอทกานนท์

Second Advisor

ประนอม รอดคำดี

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

พยาบาลศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.271

Abstract

ศึกษาและเปรียบเทียบความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับการบริบาลทารกแรกเกิดของมารดาในภาคเหนือของประเทศไทย ตัวอย่างประชากรที่ใช้ในการศึกษาเป็นมารดาที่พาบุตรอายุ 1-2 เดือน มาฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่คลินิกสุขภาพเด็กดีในโรงพยาบาล 12 แห่ง จำนวน 140 คน ซึ่งได้จากการสุ่มตัวอย่างมีระบบ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเองโดยผ่านการตรวจสอบความตรงของเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 8 ท่าน ค่าความเที่ยงของแบบสัมภาษณ์ ความรู้ตามแบบของคูเดอร์-ริชาร์ดสัน (Kuder-Richardson) คือ K-R 20 และการปฏิบัติตามแบบสัมประสิทธิ์แอลฟาของ ครอนบาช (Cronbach) เท่ากับ 0.63 และ 0.67 ข้อมูลที่ได้นำมาวิเคราะห์เพื่อหาอัตราส่วนร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์ความแปรปรวน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. มารดาที่มีฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว และระดับการศึกษาต่างกันมีความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับการบริบาลทารกแรกเกิดต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 มารดามีลักษณะครอบครัวต่างกันมีการปฏิบัติเกี่ยวกับการบริบาลทารกแรกเกิดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 1.1 มารดาที่มีฐานะทางเศรษฐกิจต่ำ มีความรู้เพื่อพฤติกรรมการนอนและการสัมผัสของทารกต่ำกว่ามารดาที่ฐานะทางเศรษฐกิจสูงและปานกลาง มีความรู้เรื่องพฤติกรรมการขับถ่ายของทารกต่ำกว่ามารดาที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูง และมีความรู้เรื่องพฤติกรรมการร้องของทารกต่ำกว่ามารดาที่มีฐานะทางเศรษฐกิจปานกลาง ส่วนการปฏิบัติมารดาที่มีฐานะทางเศรษฐกิจต่ำ มีการปฏิบัติเกี่ยวกับพฤติกรรมการมองของทารกต่ำกว่ามารดาที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงและปานกลาง และมีการปฏิบัติเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินของทารกต่ำกว่ามารดาที่มีฐานะทางเศรษฐกิจปานกลาง 1.2 มารดาที่มีระดับการศึกษาต่ำ มีความรู้เรื่องพฤติกรรมการมองและการสัมผัสของทารกต่ำกว่ามารดาที่มีระดับการศึกษาสูง และความรู้เรื่องพฤติกรรมการร้องของทารกต่ำกว่ามารดาที่มีระดับการศึกษาสูง และปานกลาง ส่วนการปฏิบัติมารดาที่มีระดับการศึกษาต่ำมีการปฏิบัติเกี่ยวกับการมองของทารกต่ำกว่ามารดาที่มีระดับการศึกษาสูง 1.3 มารดาที่มีสามีช่วยเหลือในการบริบาลทารกแรกเกิดในครอบครัวมีการปฏิบัติเกี่ยวกับพฤติกรรมการได้ยินของทารกดีกว่ามารดาที่บริบาลทารกแรกเกิดด้วยตนเอง 2. มารดาที่มีทารกเพศต่างกัน น้ำหนักแรกเกิดของทารกต่างกัน ประสบการณ์การบริบาลทารกแรกเกิดต่างกัน มีความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับการบริบาลทารกแรกเกิดไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

Share

COinS