Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การรับรู้ของผู้ปกครองไทยมุสลิมในการส่งเสริมวินัยแห่งตน ของนักเรียนในโรงเรียนสังกัด สำนักงานการประถมศึกษา จังหวัดภูเก็ต

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Perception of Thai muslim parents in promoting self-discipline of students in schools under the jurisdiction of the Office of Phuket Provincial Primary Education

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

แรมสมร อยู่สถาพร

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ประถมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.250

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับรู้ของผู้ปกครองไทยมุสลิม ในการส่งเสริมวินัยแห่งตนของนักเรียน ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดภูเก็ต การดำเนินการวิจัย ตัวอย่างประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ผู้ปกครองของนักเรียนไทยมุสลิมที่มีวินัยแห่งตนอยู่ในระดับสูง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2529 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดภูเก็ต จำนวน 88 คน เครื่องมือที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการวิจัยได้แก่ 1. แบบวัดความมีวินัยแห่งตน มีค่าความเที่ยง -0.75 2. แบบสัมภาษณ์ฉบับที่ 1 สำหรับสัมภาษณ์ผู้ปกครองเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานในการส่งเสริมวินัยแห่งตนของนักเรียน 3. แบบสัมภาษณ์ฉบับที่ 2 สร้างขึ้นโดยอาศัยข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสัมภาษณ์ฉบับที่ 1 รวมทั้งการศึกษาทฤษฎีและวิธีการจากหนังสือและงานวิจัย ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้ วิเคราะห์โดยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สรุปผลการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า 1. ในการส่งเสริมวินัยแห่งตน ในด้านความซื่อสัตย์ ความรู้สึกผิดชอบและความรับผิดชอบ โดยวิธีการส่งเสริมวินัยแห่งตน 4 วิธีคือ การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเด็ก การแสดงตนเป็นแบบย่างที่ดีแก่เด็ก การกระตุ้นและเสริมกำลังใจแก่เด็กและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างสม่ำเสมอของผู้ปกครอง ผู้ปกครองของนักเรียนไทยมุสลิมที่มีวินัยแห่งตนอยู่ในระดับสูงใช้วิธีการส่งเสริมทั้ง 4 วิธี โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง 1.1 ในการส่งเสริมวินัยแห่งตนในด้านความซื้อสัตย์ และความรู้สึกผิดชอบนั้นผู้ปกครองของนักเรียนไทยมุสลิมที่มีวินัยแห่งตนอยู่ในระดับสูงใช้วิธีการแสดงตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างสม่ำเสมอของผู้ปกครองอยู่ในระดับมาก ส่วนวิธีการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเด็กและการกระตุ้นและเสริมกำลังใจแก่เด็ก ผู้ปกครองใช้อยู่ในระดับปานกลาง 1.2 ในการส่งเสริมวินัยแห่งตนในด้านความรับผิดชอบ ซึ่งผู้ปกครองของนักเรียนไทยมุสลิมที่มีวินัยแห่งตนอยู่ในระดับสูงใช้วิธีการสร้างภาพที่ดีกับเด็ก แสดงตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างสม่ำเสมอของผู้ปกครองอยู่ในระดับมาก วิธีการกระตุ้นและเสริมกำลังใจแก่เด็ก ผู้ปกครองใช้อยู่ในระดับปานกลาง 2. สำหรับวิธีการทั้ง 4 วิธีที่ผู้ปกครองใช้เพื่อส่งเสริมวินัยแห่งตนแก่เด็ก ซึ่งได้แก่การสร้างสัมพันธภาพที่ดีแก่เด็ก การแสดงตนแบบอย่างที่ดีแก่เด็ก การกระตุ้นและเสริมกำลังใจแก่เด็กและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างสม่ำเสมอของผู้ปกครองนั้นผู้ปกครองได้ปฏิบัติดังนี้ 2.1 ในการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเด็กนั้น ผู้ปกครองใช้วิธีการตักเตือนและคาดโทษเมื่อเด็กทำไม่ถูกต้อง ตำหนิติเตียนหรือลงโทษโดยบอกเหตุผลเมื่อเด็กฝ่าฝืนคำตักเตือน ชี้แจงเหตุผล ให้คำแนะนำ และอบรมสั่งสอนโดยยกหลักคำสอนของศาสนาอิสลามและแบบอย่างของท่านมีอยู่ในระดับมาก ส่วนวิธีอื่น ๆ ผู้ปกครองใช้อยู่ในระดับปานกลาง 2.2 ในการแสดงตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กนั้น ผู้ปกครองใช้วิธีการแสดงตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กเห็นในด้านความซื่อสัตย์ โดนการพูดจริงกับเด็กและผู้อื่น ด้านความรู้สึกผิดชอบ โดยการแสดงกิริยา มารยาทที่เหมาะสม การกระทำที่ให้คุณให้โทษและการสำนึกในความผิดที่กระทำ ด้านความรับผิดชอบโดยการรักษาสุขภาพอนามัยและการทำตามกฎเกณฑ์ของสังคมอยู่ในระดับมาก และมีผู้ปกครองส่วนน้อย ใช้วิธีการแสดงตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กเห็นในด้านความรับผิดชอบโดยการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการอ่านหนังสืออื่น ๆ ที่ให้ความรู้และความบันเทิง เช่น นิตยสาร วารสารต่าง ๆ 2.3 ในการกระตุ้นและเสริมกำลังใจแก่เด็กนั้น ผู้ปกครองใช้วิธีการแสดงความพอใจโดยแสดงออกทางสีหน้าอยู่ในระดับมาก ส่วนวิธีอื่น ๆ ผู้ปกครองใช้อยู่ในระดับปานกลาง 2.4 ในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างสม่ำเสมอ ของผู้ปกครองนั้น ผู้ปกครองใช้วิธีการทั้ง 3 คือ เอาใจใส่ดูแล ทำตามข้อตกลงที่ได้ตกลงไว้กับเด็ก และพ่อแม่หรือผู้ปกครองทุกคนในแต่ละครอบครัวยึดแนวเดียวกันในการทำตามข้อตกลงที่ได้ตกลงไว้กับเด็กอยู่ในระดับมาก

Share

COinS