Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

วิเคราะห์การนำวิธีการเก็บภาษีแบบ Unitary Method มาใช้เก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากนิติบุคคลต่างประเทศตามมาตรา 66 และ 76 ทวิ

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Study on whether unitary method can replace foreign enterprises corporate income tax

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

กาญจนา นิมมานเหมินท์

Second Advisor

ธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิติศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

นิติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.495

Abstract

ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีตามมาตรา 65 ทวิ และ 65 ตรี ของนิติบุคคลต่างประเทศตามมาตรา 66 ที่เข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทยในรูปสาขาหรือบริษัทย่อยที่มีบริษัทแม่ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ และนิติบุคคลต่างประเทศที่ให้ถือว่าประกอบกิจการในประเทศไทยนั้น ในทางปฏิบัติยังไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากการตีความกฎหมายมาตรา 65 ตรี (13) (14) ของกรมสรรพากรและศาล กล่าวคือ สาขานิติบุคคลต่างประเทศไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายประเภทค่าเช่าสำนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าเครื่องเขียน เครื่องใช้ ค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาของเครื่องมือเครื่องใช้ ที่เกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากการดำเนินงานของการบริหารสาขาต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งสาขาในประเทศไทยของสำนักงานใหญ่มาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ นอกจากนี้สาขาจะนำค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าและพัฒนามาถือเป็นรายจ่ายได้เฉพาะที่สาขาได้รับบริการหรือได้นำผลการค้นคว้าพัฒนามาใช้ประโยชน์ตามความเป็นจริงเท่านั้น ซึ่งในทางปฏิบัติไม่มีการค้นคว้าและพัฒนาใดจะให้ผลในการนำมาใช้ประโยชน์ได้เสมอไปในขณะเดียวกันบริษัทย่อยที่มีบริษัทแม่ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแท้ที่จริงก็คือ นิติบุคคลของต่างประเทศนั่นเอง หากประกอบกิจการในประเทศไทยกฎหมายถือว่าเป็นคนละนิติบุคคลกับบริษัทแม่ ดังนั้นจึงสามารถติดต่อค้าขายโดยคิดค่าสินค้าและค่าบริการระหว่างกันได้ในราคาตลาดตามที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ (4) บังคับไว้ ส่วนสาขานั้นการติดต่อค้าขายกับสำนักงานใหญ่ต้องใช้ราคาทุน เนื่องจากเป็นนิติบุคคลเดียวกัน ดังนี้สาขาย่อมมีแนวโน้มที่จะแปลงตัวเองมาเป็นบริษัทย่อย ซึ่งเป็นโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทข้ามชาติที่สามารถทำการยักย้ายถ่ายเทกำไรจากประเทศที่ตนเข้าไปลงทุนได้ง่าย จากเหตุผลดังกล่าวผู้เขียนจึงได้วิเคราะห์การนำวิธีการเก็บภาษีแบบ Unitary Method มาใช้เก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากนิติบุคคลต่างประเทศที่เข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย เพราะวิธีนี้เป็นวิธีการคำนวณกำไรของสาขาหรือบริษัทย่อยโดยเฉลี่ยกำไรมาจากสำนักงานใหญ่หรือบริษัทแม่ โดยสูตรซึ่งมีฐานมาจากยอดขาย ยอดเงินเดือนค่าจ้าง และยอดทรัพย์สินที่มีอยู่ในประเทศไทย โดยวิธีการนี้สามารถแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายสำนักงานใหญ่ดังที่กล่าวมาได้ ทั้งยังสามารถดึงเอากำไรที่สาขาหรือบริษัทย่อยไปยักย้ายถ่ายเทไปยังสำนักงานใหญ่หรือบริษัทแม่เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีกลับมาได้ซึ่งสร้างความเป็นธรรมให้แก่ประเทศไทยในฐานะเป็นประเทศ Host Country จากการวิเคราะห์พบว่ามีความเป็นไปได้สูงในการนำวิธีการเก็บภาษีแบบ Unitary Method มาใช้เพราะจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเพียงเล็กน้อย มิได้เป็นการแก้ไขโครงสร้างทางภาษีแต่อย่างใด ผู้เขียนจึงมีข้อเสนอแนะว่า. ควรนำวิธีการเก็บภาษีแบบ Unitary Method มาใช้เก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากนิติบุคคลต่างประเทศตามมาตรา 66 ที่เข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทยในรูปสาขาหรือบริษัทย่อยที่มีบริษัทแม่ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ และนิติบุคคลต่างประเทศตามมาตรา 76 ทวิ และรัฐบาลควรใช้ประโยชน์จากข้อกำหนดในอนุสัญญาเพื่อเว้นการเก็บภาษีซ้อน ที่ทำไว้กับประเทศต่าง ๆ ในข้อที่ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อสนเทศเพื่อแลกเปลี่ยนหรือขอข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์ต่อการคำนวณภาษีโดยวิธี Unitary Method นอกจากนี้รัฐบาลควรทำความตกลงในลักษณะดังกล่าวกับประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้นด้วย

Share

COinS