Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ดุลนิพิจพนักงานสอบสวนในการปล่อยชั่วคราว
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Inqutry oepicers' discretion in provisional release
Year (A.D.)
1987
Document Type
Thesis
First Advisor
ไพฑูรย์ คงสมบูรณ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
นิติศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
นิติศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1987.483
Abstract
การดำเนินคดีอาญาปัจจุบันนี้ได้ยอมรับและเน้นถึงความสำคัญในสิทธิเสรีภาพของผู้ถูกกล่าวหามากขึ้น โดยให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหามีฐานะเป็นประธานในคดี มิใช่เป็นกรรม หรือวัตถุแห่งการซักฟอก ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 11 (1) ได้บัญญัติไว้ว่า “ทุกคนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางอาญา มีสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ามีผิดตามกฎหมายในการพิจารณาเปิดเผย ซึ่งคนได้รับหลักประกันบรรดาที่จำเป็นสำหรับการต่อสู้คดี" ประเทศไทยในฐานะที่เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติได้ร่วมลงนามรับรองปฏิญญาฉบับดังกล่าวด้วย ดังนั้นเพื่อรับรองถึงสิทธิดังกล่าวจึงจำต้องมีการตรากฎหมายภายในขึ้นบังคับใช้ โดยได้บัญญัติรับรองถึงสิทธิดังกล่าวนี้ไว้ทั้งในรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นกฎหมายสูงสุด และทั้งในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งอยู่ในลำดับรองลงมา ทั้งนี้เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามแม้รัฐธรรมนูญของประเทศไทยจะได้บัญญัติรับรองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหานี้ไว้ แต่ก็เป็นที่ทราบดีว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมักไม่ค่อยได้รับความสนใจและให้ความสำคัญเท่าที่ควรจะเป็น นอกจากนั้นยังมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญกันบ่อยครั้ง ส่วนในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งกลายเป็นแบบอย่างให้ยึดถือปฏิบัติ แม้จะได้มีบทบัญญัติรับรองถึงสิทธิดังกล่าวนี้ไว้ในหลายลักษณะด้วยกันซึ่งลักษณะการปล่อยชั่วคราวก็เป็นลักษณะหนึ่งที่บัญญัติขึ้นเพื่อรับรองถึงสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา แต่เมื่อพิจารณาดูจากบทบัญญัติแล้วทำให้เห็นว่า ควรจะให้มีการปล่อยชั่วคราวหรือไม่นั้นให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสั่งปล่อยชั่วคราว ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่าแม้กฎหมายในปัจจุบันจะมีบทบัญญัติรับรองสิทธิผู้ถูกกล่าวหาว่าจะได้รับการปล่อยชั่วคราวไว้ก็ตาม แต่บทบัญญัติดังกล่าวนี้ก็ไม่อาจคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหาได้ตามวัตถุประสงค์ ทั้งนี้เพราะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้มีอำนาจในการพิจารณาสั่งปล่อยชั่วคราว การให้ดุลพินิจแก่เจ้าพนักงานนั้นย่อมเสี่ยงต่อการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจเป็นอย่างมาก หากผู้ใช้ดุลพินิจขาดคุณธรรมและไม่มีมาตรการที่จะควบคุมการใช้ดุลพินิจนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ จาการศึกษาพบว่า ในทางกฎหมายแม้จะมีการบัญญัติรับรองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาที่จะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ไว้ในรัฐธรรมนูญและเคยมีบางฉบับจะบัญญัติรับรองสิทธิในการปล่อยชั่วคราวไว้เฉพาะก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติของผู้ใช้ดุลพินิจในการปล่อยชั่วคราวกลับไม่สำนึกในหลักพื้นฐานทางกฎหมายในการปล่อยชั่วคราวประกอบกับกฎหมายในลำดับรองลงมาที่ใช้บังคับอยู่ ในขณะนี้ก็หาได้มีความชัดเจนแต่อย่างใดไม่ในระหว่างกฎหมายด้วยกันเองก็ไม่สอดคล้องกันตามลำดับชั้นของกฎหมายการให้ดุลพินิจไว้อย่างกว้าง ๆ ประกอบการไม่บัญญัติการควบคุมตรวจสอบการใช้ดุลพินิจไวให้ชัดเจน ในการปฏิบัติจึงเกิดผลในทางตรงข้าม ดังนั้น เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนดังกล่าว จึงเห็นควรที่จะต้องทำให้พนักงานสอบสวนมีความเข้าใจและสำนึกถึงหลักพื้นฐานในการปล่อยตัวชั่วคราว และตระหนักในสิทธิดังกล่าวของผู้ถูกกล่าวหา และถ้าเป็นไปได้ควรจะบัญญัติในเรื่องปล่อยชั่วคราวนี้ไว้ให้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญเช่นที่เคยบัญญัติไว้ในฉบับปี พ.ศ. 2492 และฉบับ พ.ศ. 2517 เพราะผู้เขียนยังเชื่อว่ารัฐธรรมนูญเป็นหลักและเป็นกฎหมายสูงสุดในการสะท้อนให้เห็นถึงแนวนโยบายของรัฐที่จะมุ่งคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคล ถ้าแนวนโยบายดังกล่าวนี้ไม่มีปรากฏชัดเจนในกฎหมายสูงสุดแล้วโอกาสที่จะสร้างกฎหมายใหม่ลำดับรองคงจะไม่มีทางที่จะเกิดมีขึ้นได้.
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สระทองอุ่น, เพชร, "ดุลนิพิจพนักงานสอบสวนในการปล่อยชั่วคราว" (1987). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 46450.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/46450