Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานของประชาชนในชุมชนแออัดคลองเตย: การศึกษาเฉพาะกรณีชุมชนหมู่บ้านพัฒนา
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Thebasic leteracy level of the people in klong teoy slum: a case study of moo-ban pattana community
Year (A.D.)
1987
Document Type
Thesis
First Advisor
อุ่นตา นพคุณ
Second Advisor
ประคอง กรรณสูต
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การศึกษานอกระบบโรงเรียน
DOI
10.58837/CHULA.THE.1987.171
Abstract
วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานของประชาชนที่จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในชุมชนหมู่บ้านพัฒนา 2. เพื่อเปรียบเทียบระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานของประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพัฒนาที่จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีภูมิหลังต่างกัน วิธีการวิจัย ตัวอย่างประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพัฒนาที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน และไม่ได้ศึกษาต่อ จำนวน 301 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ และส่งแบบทดสอบความสามารถพื้นฐานทั้งวิชาภาษาไทยและเลขคณิต ให้ผู้ที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทุกๆ คน ที่พบจนครบ 318 คน ตามขนาดตัวอย่างประชากรที่พอเหมาะที่ได้คำนวณไว้แล้วตามสูตรของนิยมปุราคำ แต่แบบสัมภาษณ์และแบบทดสอบความสามารถพื้นฐานทั้งสองวิชาที่สมบูรณ์มีอยู่ 301 ฉบับ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ หนึ่ง แบบสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง ประกอบด้วย 3 หมวด คือ หมวดภูมิหลังทั่วไป หมวดภูมิหลังทางการศึกษา และหมวดภูมิหลังของการคงสภาพการรู้หนังสือ ซึ่งเป็นทั้งคำถามแบบมีคำตอบนำและแบบไม่มีคำตอบนำ ในคำถามแบบมีคำตอบนำ นำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยจำแนกเป็นหมวดหมู่ หาค่าร้อยละ แล้วนำเสนอในรูปตารางและความเรียง และในคำถามแบบไม่มีคำตอบนำ ได้วิเคราะห์และสรุป แล้วนำเสนอในรูปความเรียง และสอง แบบทดสอบความสามารถพื้นฐานของโครงการวิจัยและวางแผนเพื่อพัฒนาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ใช้ทดสอบในปี 2524 และ 2525 ประกอบด้วยวิชาภาษาไทยและเลขคณิต นำข้อมูลจากผลการทำแบบทดสอบความสามารถพื้นฐานทั้งวิชาภาษาไทย เลขคณิต และจากคะแบบรวมทั้งสองวิชามาหาค่าเฉลี่ย (X̅) เสนอผลระบบการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานด้วยค่าเฉลี่ย (X̅) และการกระจาย (S.D.) ใช้สถิติทดสอบที (t-test) เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานจำแนกตามเพศ ทดสอบค่าเอฟ (F) เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐาน จำแนกตามอาชีพและระยะเวลาที่จบการศึกษา ถ้าผลการวิเคราะห์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ก็ทดสอบความแตกต่างระหว่างคู่ด้วยวิธี ตูกี (บี) [Tukey (b)] ผลการวิจัย 1. จำนวนประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพัฒนามากกว่าครึ่ง มีระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานสูงกว่าค่าเฉลี่ย คิดเป็นร้อยละ 52 และปรากฏผลลักษณะเดียวกันในวิชาภาษาไทย คิดเป็นร้อยละ 54 ส่วนในวิชาเลขคณิต จำนวนประชาชนมีระดับการรู้หนังสือวิชาเลขคณิตสูงกว่าค่าเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 50 2. ผลการวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานของประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพัฒนา จำแนกตามระยะเวลาที่จบการศึกษา พบว่า ประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพัฒนากลุ่มที่จบการศึกษาแล้วในระยะเวลาที่นานกว่า มีระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานต่ำกว่ากลุ่มที่จบการศึกษาแล้วในระยะเวลาที่สั้นกว่าอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 คือ ประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพัฒนากลุ่มที่จบการศึกษาแล้วในช่วงระยะเวลา 9-12 ปี และ 13-16 ปี มีระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานสูงกว่ากลุ่มที่จบการศึกษาแล้วตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ซึ่งในวิชาภาษาไทยก็ปรากฏผลลักษณะเดียวกัน ส่วนในวิชาเลขคณิต พบว่า กลุ่มที่จบการศึกษาแล้วในช่วงระยะเวลา 13-16 ปี มีระดับการรู้หนังสือวิชาเลขคณิตสูงกว่ากลุ่มที่จบการศึกษาแล้วตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 3. ผลการวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานของประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพัฒนา จำแนกตามเพศ พบว่า ชายมีระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานสูงกว่าหญิงอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 และยังพบว่าชายมีระดับการรู้หนังสือวิชาเลขคณิตสูงกว่าหญิงอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ส่วนในวิชาภาษาไทย พบว่า ทั้งชายและหญิงมีระดับการรู้หนังสือวิชาภาษาไทยไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 4. ผลการวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานของประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพัฒนา จำแนกตามอาชีพ พบว่า ประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพัฒนาที่มีอาชีพต่างกัน มีระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 คือ ประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพัฒนากลุ่มผู้ว่างงาน มีระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานสูงกว่ากลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 และยังพบว่า กลุ่มผู้มีอาชีพรับจ้างและกลุ่มผู้ว่างงาน มีระดับการรู้หนังสือวิชาภาษาไทยสูงกว่ากลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ส่วนในวิชาเลขคณิต พบว่า กลุ่มที่มีอาชีพต่างกัน มีระดับการรู้หนังสือวิชาเลขคณิตไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
จิรารัตน์วัฒนา, ทัศนีย์, "ระดับการรู้หนังสือขั้นพื้นฐานของประชาชนในชุมชนแออัดคลองเตย: การศึกษาเฉพาะกรณีชุมชนหมู่บ้านพัฒนา" (1987). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 46402.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/46402