Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ต้นทุนและผลตอบแทนจากการปลูกมันฝรั่งในภาคเหนือของประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Cost and return on investment of potato growing in the northern region of Thailand

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

มาโนช ทองเจียม

Second Advisor

วีรวรรณ พูลพิพัฒน์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การบัญชี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.531

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ที่สนใจในการลงทุนรวมทั้งกสิกรได้ทราบถึงต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกมันฝรั่งบนพื้นราบเฉพาะ 3 พันธุ์ คือ พันธุ์สปุนต้า พันธุ์เค็นนีเบค และพันธุ์รัสเซท เบอร์แบงค์ รวมทั้งทำการเปรียบเทียบต้นทุน และผลตอบแทนของแต่ละพันธุ์ด้วย ผลการวิจัยพบว่า พันธุ์รัสเซท เบอร์แบงค์ จะมีต้นทุนการปลูกเฉลี่ย่ต่อไร่ และต้นทุนการปลูกเฉลี่ยต่อกิโลกรัมสูงสุด คือ 8,142.97 บาท และ 3.59 บาท ตามลำดับ รองลงมาคือ พันธุ์สปุนต้า จะมีต้นทุนการปลูกเฉลี่ยต่อไร่และต้นทุนการปลูกเฉลี่ยต่อกิโลกรัม เท่ากับ 7,159.94 บาท และ 2.49 บาท ตามลำดับ และพันธุ์เค็นนีเบค จะมีต้นทุนการปลูกเฉลี่ยต่อไร่และต้นทุนการปลูกเฉลี่ยต่อกิโลกรัมต่ำสุด คือ 6,139.18 บาท และ 2.40 บาทตามลำดับ ในด้านผลตอบแทน พันธุ์เค็นนีเบค ให้ผลตอบแทนจาการลงทุนอยู่ในระดับสูงสุด คือ ให้อัตราผลตอบแทนจาการลงทุนร้อยละ 52.21 และดัชนีการทำกำไรได้ เมื่อไม่คำนึงถึงดอกเบี้ยเงินกู้และคำนึงถึงดอกเบี้ยเงินกู้จะเท่ากันซึ่งเท่ากับ 1.87 ทั้งนี้เนื่องจากการปลูกมันฝรั่งพันธุ์เค็นนีเบคบนพื้นราบ ไม่มีค่าใช้จ่ายประเภทดอกเบี้ยเงินกู้เกิดขึ้น รองลงมาคือ พันธุ์สปุนต้า ให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนร้อยละ 29.68 และดัชนีการทำกำไรได้เมื่อไม่คำนึงถึงดอกเบี้ยเงินกู้และคำนึงถึงดอกเบี้ยเงินกู้เท่ากับ 1.41 และ 1.38 ตามลำดับ และพันธุ์รัสเชท เบอร์แบงค์ ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ในลำดับต่ำสุด คือให้อัตราผลตอบแทนจาการลงทุนร้อยละ 14.53 และดัชนีการทำกำไรได้เมื่อไม่คำนึงถึงดอกเบี้ยเงินกู้และคำนึงถึงดอกเบี้ยเงินกู้เท่ากับ 1.16 และ 1.12 ตามลำดับ สรุปได้ว่า การปลูกมันฝรั่งบนพื้นราบ พันธุ์ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ในลำดับสูงสุด คือ พันธุ์เค็นนีเบค

Share

COinS