Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
กาลและอวกาศในพุทธปรัชญาเถรวาท
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Space and time in theravadn buddhist philosophy
Year (A.D.)
1988
Document Type
Thesis
First Advisor
มารค ตามไท
Second Advisor
สุนทร ณ รังษี
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ปรัชญา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1988.740
Abstract
คำสอนเกี่ยวกับกาลและอวกาศในพุทธปรัชญาเถรวาทอาจแบ่งออกเป็นสองลักษณะกล่าวคือ คำสอนเกี่ยวกับกาลและอวกาศทางกายภาพ กับคำสอนเกี่ยวกับกาลและอวกาศทางจิตวิทยา คำสอนเกี่ยวกับกาลและอวกาศทางกายภาพเกี่ยวด้วย เรื่องธรรมชาติของกาลและอวกาศโดยตรง ส่วนคำสอนเกี่ยวกับกาลและอวกาศทางจิตวิทยาเกี่ยวด้วยเรื่องการรับรู้กาลและอวกาศของมนุษย์ วิทยานิพนธ์นี้จะศึกษาเฉพาะคำสอนเกี่ยวกับกาลและอวกาศทางกายภาพเท่านั้น ข้อมูลในการศึกษาคำสอนเกี่ยวกับกาลและอวกาศในพุทธปรัชญาเถรวาทที่ใช้ในวิทยานิพนธ์นี้แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ข้อมูลชั้นที่หนึ่งกับข้อมูลชั้นที่สอง ขัอมูลชั้นที่หนึ่งได้แก่พระไตรปิฎก ข้อมูลชั้นที่สองได้แก่ อรรถกถา, ฎีกา, และตำราที่ท่านผู้รู้พุทธศาสนาเรียบเรียงไว้ จากการศึกษาข้อมูลข้างต้นพบว่า อวกาศในพุทธปรัชญาเถรวาทจัดเป็นอสังขตธรรมอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นสิ่งที่คงอยู่ชั่วนิรันดร ส่วนกาลเป็นชื่อเรียกความเปลี่ยนแปลงของสังขตธรรม อวกาศเป็นสิ่งที่มีอยู่ แต่เวลาไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ เป็นที่เข้าใจกันมานานในหมู่ชาวพุทธเถรวาทบางส่วนว่า หลักคำสอนที่ไม่เกี่ยวกับการดับทุกข์ในชีวิตมนุษย์ไม่ใช่หลักคำสอนของพุทธศาสนา หลักธรรมในพุทธศาสนาในความคิดของชาวพุทธที่ว่านี้ต้องสามารถนำมาปฏิบัติเพื่อขจัดทุกข์ในชีวิตจริงได้ มิใช่สักแต่ว่าเป็นเพียงแนวความคิดทางปรัชญาล้วนๆ อันไม่อาจก่อผลในทางปฏิบัติ การที่หลักคำสอนนั้นๆ สามารถนำมาปฏิบัติได้ถือกันว่าเป็นเกณฑ์ตรวจสอบว่าหลักคำสอนใดเป็นหลักธรรมของพุทธศาสนาหรือไม่ ความเข้าใจตามที่กล่าวมานี้ แม้จะมีหลักฐานในพระไตรปิฎกบางแห่งรองรับให้คิดไปเช่นนั้นก็ตาม กระนั้นก็ยังเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่ หลักคำสอนของพระพุทธองค์นั้นจำแนกออกเป็นสองส่วนหลักๆ กล่าวคือ ส่วนที่เป็นหลักคำสอนทางจริยปฏิบัติ กับหลักคำสอนส่วนที่เป็นอภิปรัชญา ในจำนวนหลักธรรมทั้งสองส่วนนี้ ส่วนที่เป็นหลักจริยปฏิบัติหรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่าหลักธรรมส่วนที่นำผู้ปฏิบัติไปสู่ความดับทุกข์ในชีวิตต้องอาศัยหลักธรรมส่วนที่เป็นอภิปรัชญาเป็นฐานรองรับ หลักคำสอนส่วนที่เป็นอภิปรัชญานี้ไม่อาจนำมาปฏิบัติให้เกิดผลกล่าวคือการดับทุกข์ในชีวิต แต่มันคือรากฐานทางปรัชญาของหลักคำสอนส่วนที่สามารถนำผู้ปฏิบัติไปสู่การดับทุกข์ในชีวิตได้ หากปราศจากหลักคำสอนส่วนที่เป็นอภิปรัชญา หลักคำสอนส่วนที่เป็นหลักจริยปฏิบัติย่อมปราศจากรากฐานรองรับ ไม่ต่างจากต้นไม้ไร้รากยึดเกาะฉะนั้น หลักคำสอนเกี่ยวกับกาลและอวกาศในพุทธปรัชญาเถรวาทจัดอยู่ในส่วนของคำสอนที่เป็นอภิปรัชญา หลักคำสอนเกี่ยวกับกาลและอวกาศนี่เองคือรากฐานสำหรับการค้นหาคำตอบต่อคำถามบางคำถามที่หลักจริยปฏิบัติไม่อาจตอบได้ เช่นปัญหาเกี่ยวกับการกำเนิดของเอกภพ และปัญหาเกี่ยวกับปฐมเหตุของเอกภพ เป็นต้น วิทยานิพนธ์นี้ได้เสนอคำตอบว่า อวกาศหรือที่เรียกว่าอากาสะในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาทคือปฐมเหตุและต้นกำเนิดของเอกภพ โดยที่การตอบคำถามเหล่านี้สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องอาศัยวิธีการเชิงเทวนิยม หากแต่ใช้วิธีการแบบอเทวนิยมของพุทธศาสนานั่นเอง
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
พรมทา, สมภาร, "กาลและอวกาศในพุทธปรัชญาเถรวาท" (1988). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 45006.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/45006