Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ต้นทุนและผลตอบแทนในการปลูกมังคุด

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Cost and return on investment in Mangosteen cultivation

Year (A.D.)

1988

Document Type

Thesis

First Advisor

มนตรี วงศ์รักษ์พานิช

Second Advisor

ดวงมณี โกมารทัต

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การบัญชี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1988.455

Abstract

วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาถึงต้นทุนและผลตอบแทนในการปลูกมังคุด โดยทำการศึกษาข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์เกษตรกร เจ้าหน้าที่ทางการเกษตรตลอดจนบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด และชุมพร อันเป็นแหล่งปลูกมังคุดที่สำคัญของประเทศ การศึกษาจะแบ่งเป็น 2 กรณี คือศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนจากสวนมังคุดที่ปลูกในลักษณะแซมร่วมกับพืชชนิดอื่น ซึ่งเป็นลักษณะการปลูกมังคุดทั่วไปของประเทศ เปรียบเทียบระหว่างภาคตะวันออกกับภาคใต้ และศึกษาจากสวนมังคุดล้วนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นลักษณะการปลูกส่วนน้อยของประเทศในจังหวัดระยอง และจันทบุรี โดยกำหนดขนาดพื้นที่ปลูก 10 ไร่ จำนวนมังคุด 200 ต้น ระยะเวลาของโครงการที่ศึกษา 20 ปี ผลการศึกษาพบว่า สวนมังคุดที่ปลูกในลักษณะปลูกแซมนั้น ทางภาคตะวันออกจะมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ปีละ 1,392.86 กิโลกรัม ณ ระดับราคาขายคละ กก.ละ 8 บาท 10 บาท จะมีต้นทุนเฉลี่ยต่อไร่ปีละ 6,166.53 บาท และ 6,178.28 บาท กำไรสุทธิเฉลี่ยต่อไร่ ปีละ 1,633.47 บาท และ 3,573.72 บาท ตามลำดับ สูงกว่าสวนทางภาคใต้ ซึ่งจะมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ปีละ 1,150 กิโลกรัม ต้นทุนเฉลี่ยต่อไร่ ปีละ 5,335.78 บาท และ 5,343.83 บาท กำไรสุทธิเฉลี่ยต่อไร่ ปีละ 1,104.22 บาท และ 2,706.17 บาท ตามลำดับ แต่หากวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว สวนทางภาคใต้จะมีระยะเวลาคืนทุนเร็วกว่า และมีผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่า ส่วนกรณีสวนมังคุดล้วน ซึ่งประมาณร้อยละ 50 ของปริมาณผลผลิต จะขายในลักษณะคัดขนาดราคา กิโลกรัมละ 25 บาท อีกร้อยละ 50 จะขายแบบคละ ราคากิโลกรัมละ 10 บาท จะมีผลผลิตเฉลี่ยไร่ ปีละ 1,682.14 กิโลกรัม ต้นทุนเฉลี่ยต่อไร่ ปีละ 10,292.04 บาท กำไรสุทธิเฉลี่ยไร่ ปีละ 10.314.22 บาท โดยจะมีผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าสวนมังคุดที่ปลูกในลักษณะปลูกแซม สำหรับต้นทุนที่มีสัดส่วนสูงที่สุดในการปลูกมังคุดคือค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ปัญหาสำคัญในการทำสวนมังคุดคือเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตช้า (ปีที่ 7 ของการปลูกไม่รวมอายุกิ่งพันธุ์ 2 ปี) ทำให้ต้องใช้เงินลงทุนสูง ระยะเวลาคืนทุนนานกว่า 10 ปี และชาวสวนทั่วไปยังขาดความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการเก็บเกี่ยวผล ทำให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพไม่ดี นอกจากนั้นยังมีปัญหาด้านการส่งออก ข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาคือ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องควรมีการศึกษาหาวิธีพัฒนาพันธุ์หรือการปลูกที่ทำให้ต้นมังคุดสามารถให้ผลผลิตเร็วขึ้นเพื่อลดต้นทุนการผลิต และเผยแพร่วิธีการเก็บเกี่ยวที่ถูกวิธีให้เกษตรกรทราบ ตลอดจนจัดหาเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้เกษตรกรกู้เพื่อนำไปลงทุนทำสวนมังคุดมากขึ้น ส่วนทางด้านการส่งออกนั้น รัฐบาลควรสนับสนุนให้มีการค้นคว้าเพื่อปรับปรุงและแปรรูปผลผลิต การพัฒนารูปแบบการหีบห่อ และประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในตลาดต่างประเทศมากขึ้น

Share

COinS