Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การพัฒนาระบบการกระจายยาแบบยูนิตโดสในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The development of unit dose drug distribution system in Bumrungrad hospital

Year (A.D.)

1991

Document Type

Thesis

First Advisor

อภิฤดี เหมะจุฑา

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

เภสัชกรรม

DOI

10.58837/CHULA.THE.1991.4

Abstract

การวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อออกแบบและทดลองประยุกต์ระบบการกระจายยาแบบยูนิตโดสที่เหมาะสมและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติสำหรับโรงพยาบาลเอกชนในประเทศและเพื่อหาข้อมูลแสดงประสิทธิภาพ จากค่าใช้จ่ายด้านเอกสารเกี่ยวกับยา ผลกระทบจากการจัดให้มีการปฏิบัติงานตรงตามวิชาชีพ และประสิทธิผลในด้านความพอใจของผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวข้อง โดยคัดเลือกหอผู้ป่วย 1 แห่งในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพื่อทำการศึกษาในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนเมษายน 2533-กุมภาพันธ์ 2534 ผลการออกแบบระบบการกระจายยาแบบใหม่แสดงให้เห็นว่าหลักการในระบบยูนิตโดสที่อาจนำมาใช้ได้ ได้แก่ ใบคำสั่งแพทย์ที่มีสำเนาส่งมายังฝ่ายเภสัชกรรมโดยไม่มีการคัดลอก การกำหนดปริมาณยาฉีดและยาเม็ดให้มีปริมาณการใช้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง การมีบันทึกการจ่ายยาของฝ่ายเภสัชกรรม การมีเภสัชกรรับผิดชอบในการใช้ยาของผู้ป่วยในบริเวณใกล้กับหอผู้ป่วย รวมทั้งการนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในการคิดราคา การควบคุมคลัง บันทึกการจ่ายยา พิมพ์ใบจ่ายยาและฉลากยา ผลการศึกษาค่าใช้จ่ายด้านเอกสารเกี่ยวกับยา พบว่าในระบบใหม่นั้นมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าระบบเดิม 2.10 บาท ต่อผู้ป่วยต่อวัน ผลกระทบต่อปริมาณงานของพยาบาลเฉลี่ยต่อ 1 คน พบว่าระบบใหม่ช่วยลดงานเอกสารยาในแต่ละวัน ร้อยละ 2.81 หรือ 20.23 นาทีต่อวันอย่างมีนัยสำคัญ (∝ = 0.05) ส่วนงานเตรียมยา งานบริหารยานั้นลดลงแต่ไม่แตกต่าง ทำให้ส่วนงานพยาบาลแต่ละวันเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.10 หรือ 21.67 นาทีต่อวัน (∝ = 0.05) ในฝ่ายเภสัชกรรมเวลาที่ใช้ในการคิดราคายาและจัดยาให้ภายนอกแต่ละรายการไม่แตกต่างจากระบบเดิม ส่วนการคิดราคาคืนยา เขียนฉลากยา และจัดยาเม็ดแต่ละรายการในระบบใหม่ลดลงจากเดิม ร้อยละ 21.34, 100.00 และ 16.91 ตามลำดับ (∝ = 0.05) อย่างไรก็ตามการจัดยาฉีด การจัดยาน้ำ และการตรวจเช็คยาแต่ละรายการเพิ่มขึ้น ร้อยละ 30.42, 19.93 และ 89.25 (∝ = 0.05) ตามลำดับ ดังนั้นเมื่อดูปริมาณงานในแต่ละวันแล้ว พบว่า ระบบใหม่ใช้เวลาในการปฏิบัติงานทั้งหมดเพิ่มขึ้นจากระบบเดิม ร้อยละ 12.89 หรือ 13.27 นาทีต่อวัน ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามพอใจกับระบบใหม่ การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าระบบที่พัฒนานี้สามารถประยุกต์ในโรงพยาบาลเอกชนได้ แต่การนำไปใช้กับโรงพยาบาลอื่นที่มีสภาพต่างกันเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาต่อไป

Share

COinS