Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ปริมาณธาตุเหล็กและกรดโฟลิคในยาบำรุงเลือดแผนโบราณ และสมุนไพรบำรุงเลือด

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Iron and foric acid contents in traditional haematinic drugs and haematinic herbal medicines

Year (A.D.)

1990

Document Type

Thesis

First Advisor

อรอนงค์ กังสดาลอำไพ

Second Advisor

สุวิทย์ อารีกุล

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

อาหารเคมี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1990.646

Abstract

ในประเทศไทยมีการใช้ยาบำรุงเลือดแผนโบราณกันมาเป็นเวลานานแล้ว ยาเหล่านี้จะใช้กันตามคำโฆษณา โดยยังไม่มีการพิสูจน์ว่า ยาบำรุงเลือดแผนโบราณที่มีใช้อยู่ในท้องตลาด มีสารที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดจริงหรือไม่ โดยเฉพาะธาตุเหล็กและกรดโฟลิก ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง มีในปริมาณเพียงพอกับความต้องการของร่างกายหรือไม่ งานวิจัยนี้จึงนำตัวอย่างยาบำรุงเลือดแผนโบราณ และสมุนไพรที่ใช้ผสมในยาบำรุงเลือดมาวิเคราะห์หาปริมาณธาตุเหล็ก โดยใช้วิธี atomic absorption spectrophotometry และกรดโฟลิก โดยใช้ Lactobacillus casei ATCC 7469 สำหรับวิเคราะห์ด้วยวิธีทางจุลชีววิทยา ผลการศึกษาหาปริมาณสารอาหารทั้งสองจากยาบำรุงเลือดแผนโบราณ 19 ชนิดและสมุนไพรบำรุงเลือด 30 ชนิด พบว่ายาบำรุงเลือดแผนโบราณและสมุนไพรบำรุงเลือดมีปริมาณธาตุเหล็กและกรดโฟลิกในปริมาณที่ต่ำมาก เมื่อคำนวณเป็นปริมาณที่รับประทานยาบำรุงเลือดแผนโบราณในหนึ่งวันพบว่า จะได้รับธาตุเหล็กเพียง 0.10-10.34 มิลลิกรัม และได้รับกรดโฟลิก 0.31-9.32 ไมโดรกรัมซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทั้งนี้เนื่องจากสมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนประกอบของยามีสารอาหารทั้งสองต่ำ ยาบำรุงเลือดแผนโบราณจึงไม่เหมาะที่จะเป็นยาธาตุเหล็กและกรดโฟลิกที่ดี

Share

COinS