Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การคัดเลือกสายพันธุ์ข้าวทนเค็มที่เจริญจากการเลี้ยงเนื้อเยื่อ
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Screening of salt tolerant rice regenerated from tissue culture
Year (A.D.)
1991
Document Type
Thesis
First Advisor
มนทกานติ วัชราภัย
Second Advisor
ถาวร วัชราภัย
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
พฤกษศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1991.640
Abstract
ศึกษาความทนเค็มของข้าวกลุ่ม Indica 8 พันธุ์คือ กข25 กข23 กข8 ขาวดอกมะลิ105 นางมล เอส-4 เหนียวสันป่าตอง เหลืองประทิว123 และขาวตาแห้ง17 (ซึ่งได้มาจากโครงการ New Varieties of Rice for Saline and Acid Soil Through Tissue Culture ที่กระตุ้นให้เกิดต้นทนเค็มจากการเลี้ยงเนื้อเยี่อด้วยอาหารที่เติม NaCl 0% 1% และ 2% R0 เป็นต้นที่เกิดจากการเลี้ยงเนื้อเยื่อในหลอดทดลอง และ R1 เป็นลูกของ R0) การวิจัยนี้เริ่มตั้งแต่ R2-R5 โดยคัดเลือกสายพันธุ์ ที่เกิดจาก somaclonal variation ด้วยการเติม NaCl 0.5% ในสารละลายธาตุอาหาร ทำให้มีค่าความนำไฟฟ้า 9-10 มิลลิโมห์ต่อเซนติเมตรที่ 25 องศาเซลเซียส เริ่มคัดเลือกเมื่อต้นกล้ามี 5 ใบของ R2 ด้วยวิธี hydroponic เป็นเวลา 4 สัปดาห์ นำต้นรอดตายปลูกเก็บเมล็ดในดินปกติ แล้วคัดเลือกรุ่นต่อไปด้วยวิธีเดียวกันจนถึง R5 ได้ผลการทดลองดังนี้ การคัดเลือกในระยะกล้าจาก R2 ทั้งหมด 322 สายพันธุ์ พบว่ามีต้นรอดตายถึง R5 จำนวน 172 สายพันธุ์ (53.4%) ในจำนวนนี้มี 3 พันธุ์มีอัตราการรอดตายสูงมากในชั่วอายุที่ 5 (R5) คือ เหลืองประทิว123 (รอดตาย 89.8%) ขาวดอกมะลิ105 (54.0%) และ กข23 (53.4%) ซึ่งเป็นกลุ่มที่รอดตายเกิน 50% รองลงมาคือ ขาวตาแห้ง17 กข25 นางมล เอส-4 เหนียวสันป่าตองและ กข8 อัตราการรอดตายที่ดีที่สุดของแต่ละพันธุ์ในชั่วอายุที่ 5 คือ 18.0% 17.8% 17.4% 17.1% และ 13.0% ตามลำดับ ในขณะที่กลุ่มเปรียบเทียบของทุกพันธุ์มีอัตราการรอดตายเฉลี่ย 3.1% และพบว่าสายพันธุ์ที่ทนเค็มสูงสุดของแต่ละพันธุ์ ส่วนมากได้มาจากการคัดเลือกในหลอดทดลองในระยะแคลลัสด้วยการเติม NaCl 1% และเติม NaCl 2% แต่ยังมีสายพันธุ์ที่รอดตายสูงสุดของนางมล เอส-4 และเหนียวสันป่าตองที่ได้จากการเลี้ยงที่ไม่มีการคัดเลือกด้วย NaCl ในหลอดทดลอง การวิเคราะห์ปริมาณไอออนในรากและใบ พบว่าการเพิ่ม NaCl 0.5% ในสารละลายธาตุอาหารมีผลให้ข้าวทุกพันธุ์สะสม Na+ และ Cl- สูงขึ้น ซึ่งสายพันธุ์ที่ทนเค็มสูงสุดมีการสะสมต่ำที่สุด ส่วนการสะสม K+ และ Ca++ ของทุกสายพันธุ์ลดลงเล็กน้อยในระดับเท่า ๆ กัน ผลการทดสอบความทนเค็มของ F1 ซึ่งเป็นลูกผสมสลับระหว่างสายพันธุ์ทนเค็มสูงสุดที่คัดเลือกได้ จากพันธุ์เหลืองประทิว123 (R5-LPT123 TC-171) กับต้นที่เพาะจาก breeder seed พบว่าลูกผสมมีอัตราการรอดตาย 65.7% (เมื่อต้นจาก breeder seed เป็นพ่อ) และ 57.1% (เมื่อต้นจาก breeder seed เป็นแม่) จึงเชื่อว่ายีนที่ควบคุมความทนเค็มในข้าวพันธุ์นี้เป็นยีนที่อยู่ในนิวเคลียส ซึ่งแสดงออกเป็นแบบ incomplete dominance ที่เกิดจากสภาพ heterozygous ของยีนในตำแหน่งเดียว (ซึ่งอาจเป็น single gene หรือ multiple allele) หรือเกิดจากยีนหลายตำแหน่ง (polygene) ก็ได้ การตรวจนับโครโมโซมในรากของต้นจากสายพันธุ์ที่ทนเค็มสูงสุดของทุกพันธุ์ พบว่าทุกต้นมีโครโมโซม 2n=24 เท่ากับต้นที่เพาะจาก breeder seed ดังนั้นคาดว่ามิวเตชั่นที่เกิดขึ้นเป็นมิวเตชันในระดับยีน
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ธนไพศาล, ทิพยวรรณ, "การคัดเลือกสายพันธุ์ข้าวทนเค็มที่เจริญจากการเลี้ยงเนื้อเยื่อ" (1991). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 39295.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/39295