Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

อัตถิตากับนัตถิตาในพุทธปรัชญาเถรวาท

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Being and non-being in theravada buddhism

Year (A.D.)

1991

Document Type

Thesis

First Advisor

วิทย์ วิศทเวทย์

Second Advisor

สุนทร ณ รังษี

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาเอก

Degree Discipline

ปรัชญา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1991.806

Abstract

มีทัศนะทางอภิปรัชญาเกี่ยวกับธรรมชาติของโลกอยู่สองทัศนะที่พุทธปรัชญาเถรวาทไม่เห็นด้วย ทัศนะแรกคืออัตถิกทิฏฐิ ทัศนะที่สองคือนัตถิกทิฏฐิ อัตถิกทิฏฐิคือระบบปรัชญาที่เชื่อว่าสิ่งทั้งปวงมีอยู่ นัตถิกทิฏฐิคือระบบปรัชญาที่เชื่อว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีอยู่ เหตุผลที่พุทธปรัชญาเถรวาทไม่เห็นด้วยกับสองระบบปรัชญานี้คือ ในทัศนะของพุทธปรัชญาเถรวาท ระบบปรัชญาทั้งสองนี้เป็นทัศนะที่สุดโต่งไปคนละทาง พุทธปรัชญาเถรวาทได้เสนอทัศนะเกี่ยวกับธรรมชาติของโลกผ่านหลักธรรมสามเรื่องคือ ปฏิจจสมุปบาท ไตรลักษณ์ และขณิกทัศนะ พุทธปรัชญาเถรวาทถือว่า ธรรมชาติของโลกตามที่บรรยายด้วยหลักธรรมสามเรื่องนี้เป็นภาวะที่อยู่กึ่งกลางระหว่างธรรมชาติของโลกที่สองระบบปรัชญานั้นบรรยายไว้ ดังนี้ ก. โลกตามอัตถิกทิฏฐิคือสิ่งที่มีอยู่ ข. โลกตามนัตถิกทิฏฐิคือสิ่งที่ไม่มีอยู่ ค.โลกตามพุทธปรัชญาเถรวาทคือสิ่งที่ว่างเปล่า ความว่างเปล่า (สูญญตา) นี้พุทธปรัชญาเถรวาทถือว่าเป็นภาวะที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความมี (อัตถิตา)กับความไม่มี(นัตถิตา) ตามพุทธปรัชญาเถรวาท เรากล่าวไม่ได้ว่าโลกมีอยู่ ในขณะเดียวกันเราก็กล่าวไม่ได้ว่าโลกไม่มีอยู่ สิ่งที่เราสามารถยืนยันได้ก็คือ โลกเป็นสิ่งที่ว่างเปล่าความว่างเปล่าของโลกนี้พิจารณาได้จากการที่โลกประกอบขึ้นจากธาตุมูลฐานที่เกิดดับสืบเนื่องกันอยู่ตลอดเวลา ภายในกระแสความเกิดดับนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตัวตนอันถาวร สรุปความว่า โลกตามพุทธปรัชญาเถรวาทไม่ใช่เนื้อสาร ไม่ใช่มโนภาพของจิต หากแต่โลกคือความว่างเปล่า

Share

COinS