Journal of Nursing Research, Innovation, and Health
Publication Date
2015-09-01
Abstract
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาบริการส่งเสริมสุขภาพซึ่งโรงพยาบาลเอกชนควรจัดบริการแก่นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพพำนักระยะยาวในประเทศไทย\n \nรูปแบบการวิจัย: การวิจัยเชิงพรรณนา โดยใช้เทคนิค EDFR\n\nวิธีดำเนินการวิจัย: กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 17 คน รวบรวมความคิดเห็นที่สอดคล้องจากผู้เชี่ยวชาญโดยใช้เทคนิคเดลฟาย จำนวน 3 รอบ ดังนี้ รอบที่ 1 ใช้แบบสัมภาษณ์ปลายเปิด โดยให้ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะบริการส่งเสริมสุขภาพซึ่งโรงพยาบาลเอกชนควรจัดบริการแก่นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่พำนักระยะยาวในประเทศไทย นำข้อมูลเชิงคุณภาพมาวิเคราะห์และจัดกลุ่มเนื้อหาตามสาระเพื่อนำมาสร้างแบบสอบถามในการรวบรวมข้อมูลรอบที่ 2 รอบที่ 2 ใช้แบบสอบถามมาตรประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ระดับความสำคัญของรายการบริการส่งเสริมสุขภาพโดยคำนวณหาค่ามัธยฐาน วิเคราะห์ความคิดเห็นที่สอดคล้องของผู้เชี่ยวชาญโดยคำนวณค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ คัดเลือกรายการบริการส่งเสริมสุขภาพโดยพิจารณาจากค่ามัธยฐานระดับมากขึ้นไป และเป็นความคิดเห็นที่สอดคล้องกันของผู้เชี่ยวชาญ (Md ≥3.50, IR ≤1.50) รอบที่ 3 ให้ผู้เชี่ยวชาญทบทวนความคิดเห็นของตนเองเพื่อยืนยันคำตอบหรือเปลี่ยนแปลงคำตอบตามที่ได้ระบุระดับความสำคัญของรายการบริการส่งเสริมสุขภาพในรอบที่ 2 คัดเลือกบริการส่งเสริมสุขภาพโดยพิจารณาจากค่ามัธยฐานระดับมากขึ้นไป และเป็นความคิดเห็นที่สอดคล้องกันของผู้เชี่ยวชาญ (Md ≥3.50, IR ≤1.50)\n\nผลการวิจัย: บริการส่งเสริมสุขภาพซึ่งโรงพยาบาลเอกชนควรจัดบริการแก่นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพพำนักระยะยาวในประเทศไทย ประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่ 1) บริการส่งเสริมสุขภาพด้านร่างกาย 2) บริการส่งเสริมสุขภาพด้านจิตใจ 3) บริการส่งเสริมสุขภาพด้านสังคม 4) บริการส่งเสริมสุขภาพด้านจิตวิญญาณ 5) บริการส่งเสริมสุขภาพที่มีความปลอดภัย\n\nสรุป: โรงพยาบาลเอกชนควรจัดบริการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic health care) ที่ครอบคลุมทั้งการส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ ที่เน้นความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพพำนักระยะยาวในประเทศไทย \n
DOI
10.58837/CHULA.CUNS.27.3.1
First Page
1
Last Page
9
Recommended Citation
เยือกเย็น, ดาริกา and ศรีสถิตย์นรากูร, บุญใจ
(2015)
"บริการส่งเสริมสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่พำนักระยะยาวในประเทศไทย,"
Journal of Nursing Research, Innovation, and Health: Vol. 27:
Iss.
3, Article 2.
DOI: 10.58837/CHULA.CUNS.27.3.1
Available at:
https://digital.car.chula.ac.th/cuns/vol27/iss3/2