Applied Environmental Research
Publication Date
2026-07-01
Abstract
งานวิจัยนี้ศึกษาประสิทธิภาพการดูดซับไซยาไนด์ โครเมียมและสังกะสี โดยใช้ อะลูมินาและนิกเกิลออกไซด์เป็นตัวกลางในการดูดซับ แบ่งการทดลองเป็นแบบแบตซ์และแบบต่อเนื่องโดยใช้น้ำเสียสังเคราะห์ซึ่งเป็นตัวแทนของน้ำเสียจากโรงงานชุบโลหะ ผลการทดลองแบบแบตซ์พบว่า ในกรณีน้ำเสียสังเคราะห์ไซยาไนด์อย่างเดียวหรือ สังกะสีอย่างเดียว นิกเกิลออกไซด์มีประสิทธิภาพในการดูดซับมากกว่าอะลูมินา แต่ค่าความสามารถในการดูดซับของตัวกลางทั้งสองชนิดมีค่าตามาก ทำให้ อะลูมินาและนิกเกิลออกไซด์ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ดูดซับไซยาไนด์อย่างเดียวหรือ สังกะสีอย่างเดียว ส่วนในกรณีที่น้ำเสียสังเคราะห์ประกอบด้วยไซยาไนด์ โครเมียม และสังกะสี นิกเกิลออกไซด์มีประสิทธิภาพ ในการดูดซับไซยาไนด์และสังกะสีมากกว่า อะลูมินา ความสามารถในการดูดซับไซยาไนด์เพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นสังกะสีที่เพิ่มสูงขึ้น ปริมาณไซยาไนด์ที่มากเกินพอมี ผลรบกวนการดูดซับสารประกอบเชิงซ้อน สังกะสีไซยาไนด์ ทำให้ความสามารถในการ ดูดซับไซยาไนด์และสังกะสีลดลงที่สภาวะสมดุลสัดส่วน โมลไซยาไนด์ต่อสังกะสีที่ถูกดูดซับบนนิกเกิลออกไซด์เป็นไปตามรูปสารประกอบเชิงซ้อนสังกะสีไซยาไนด์ที่มีในระบบ โดยที่อัตราส่วนไซยาไนด์:โครเมียม: สังกะสี เท่ากับ 50:20:100 มีค่า 1:1 อัตราส่วน 100:20:100 มีค่า 1.5:1 และ อัตราส่วน 200:20:100 มีค่า 3:1 ตามลำดับ ผลการทดลองแบบต่อเนื่องพบว่านิกเกิลออกไซด์มีประสิทธิภาพในการดูดซับไซยาไนด์และสังกะสีมากกว่าอะลูมินา ที่ อัตราการไหล 8 และ 4 มิลลิลิตรต่อนาที พบว่าเวลาสัมผัสที่มากขึ้นมีผลให้ความ สามารถในการดูดซับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ความเข้มข้นไซยาไนด์ที่มากเกินพอมีผลรบกวนการดูดซับสารประกอบเชิงซ้อน สังกะสีไซยาไนด์ ทำให้ความสามารถในการดูดซับไซยาไนด์และสังกะสีลดลงที่จุดเบรคทรู (Break through) สัดส่วน โมลไซยาไนด์ต่อสังกะสีที่ถูกดูดซับบนนิกเกิลออกไซด์ เป็นไปตามรูปของสารประกอบเชิงซ้อนสังกะสีไซยาไนด์ที่มีในระบบ ซึ่งอัตราส่วน ต่างๆ มีค่าใกล้เคียงกับการทดลองแบบแบตซ์
First Page
37
Last Page
50
Recommended Citation
ชาตรี, ภาคย์; ไชยคุนา, เจิดศักดิ์; and ขาวเธียร, สุธา
(2026)
"การดูดซับไซยาไนด์ โครเมียมและสังกะสีจากน้ำเสียสังเคราะห์โดยใช้อะลูมินาที่เคลือบผิวด้วยนิกเกิล,"
Applied Environmental Research: Vol. 28:
No.
2, Article 4.
Available at:
https://digital.car.chula.ac.th/aer/vol28/iss2/4