วารสารบรรณารักษศาสตร์ (Library Science Journal)
Abstract
Bawden and Robinson’s the latest textbook is a pleasure to read because they depict historic dimensions, philosophical paradigms, basic concepts, theoretical domains, and substantive aspects of information science (s) with such clarity and precision. The key readings and references provided in each chapter, including additional resources at the final section of this book, are noteworthy for delving into further information on the basis of personal interests. Bawden and Robinson’s “Introduction to Information Science” is different from the others in the market because of its emphasis. Since the authors intend to focus on basic principles and theories of information science (s) rather than easily out-of-date issues, this makes their book can be one of the long lasting key readings used in the information science (s) classroom. เมื่อครั้งที่ผู้วิจารณ์ยังทำวิจัยปริญญาเอกที่ Department of Information Studies, University of Sheffield สหราชอาณาจักร ช่วงปี 2549 – 2552 ขณะที่กำลังศึกษาอยู่นั้น เมื่อใดก็ตามที่ผู้วิจารณ์กำลังสนใจที่จะศึกษาหัวข้อ หรือประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารนิเทศ ก็มักจะเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า หัวข้อที่ตนเองกำลังค้นคว้าอยู่นั้นปรากฏอยู่ในแง่มุมใด ( Aspects ) ของสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ การฝึกตั้งคำถามดังกล่าวก็เพื่อป้องกันการเกิดขึ้นของเหตุการณ์เส้นผมบังภูเขา ดังเช่นสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า “Can’t see the wood for the tree” กล่าวคือ ผู้วิจารณ์เองเกรงว่าด้วยความใส่ใจในรายละเอียดของหัวข้อที่ตนเองสนใจมากจนเกินไปนั้น อาจก่อให้เกิดการมองข้ามสิ่งที่เป็น “มุมมองแบบองค์รวม” (Holistic views) ที่หัวข้อนั้นสามารถไปสัมพันธ์กับแง่มุมทางวิชาการอื่น ๆ ในสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ได้ การใส่ใจในมุมมองแบบองค์รวมที่พิจารณาความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันระหว่างหัวข้อหรือแง่มุมที่หลากหลายนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันมิให้นักวิชาการ/นักวิจัยพุ่งความสนใจไปที่หัวข้อของการศึกษาในทันที โดยปราศจากความรู้และความเข้าใจในความสัมพันธ์ที่เป็นแบบองค์รวม เพราะฉะนั้นการอ่านตำราจำพวก “สารนิเทศศาสตร์เบื้องต้น” และ “บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์เบื้องต้น” จึงมีความจำเป็นในฐานะตำราบังคับสำหรับชั้นเรียนของ โรงเรียนบรรณารักษศาสตร์/โรงเรียนสารนิเทศ หนังสือที่ผู้วิจารณ์ได้เคยอ่านก็เช่น Foundations of Library and Information Science ของ Rubin (2010) และ Information Science in Theory and Practice ของ Vickery and Vickery (2004) โดยส่วนตัวแล้ว ผู้วิจารณ์เห็นว่าหนังสือของ Rubin (2010) และ Vickery and Vickery (2004) ต่างก็มีข้อจำกัด สำหรับเนื้อหาสาระใน Foundations of Library and Information Science อาจจะเป็นตำราที่อ่านและทำความเข้าใจได้ไม่ง่ายนักทั้งในเชิงของโครงสร้างของการนำเสนอแนะสำนวนภาษาที่ใช้ นอกจากนี้ Rubin (2010) ยังคงเน้นหนักในส่วนของความเป็น “บรรณารักษศาสตร์” มากกว่า “สารนิเทศศาสตร์” จนเนื้อหาขาดความสมดุล ในขณะที่หนังสือ Information Science in Theory and Practice ถึงแม้ว่าเนื้อหาที่ถูกเรียบเรียงและนำเสนอมุ้งเน้นไปที่สาขาสารนิเทศศาสตร์อย่างเฉพาะเจาะจง แต่สาระทางวิชาการในหลายประเด็นที่ปรากฏในหนังสือของ Vickery and Vickery (2004) เช่น ขอบเขตที่ศึกษาเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคนิคและวิธีการวิจัยในสารนิเทศศาสตร์ เป็นต้น ก็ค่อนข้างล้าสมัยแล้วในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากศาสตร์นี้มีความเป็นพลวัตสูงมาก หากผู้อ่านกำลังมองหาหนังสือแนวบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์เบื้องต้นที่มีเนื้อหาสาระร่วมสมัย ผู้วิจารณ์ขอแนะนำหนังสือ Introduction Information Science ผลงานลาสุดของ Bawden and Robinson (2010) สองนักวิชาการในสาขาสารนิเทศศาสตร์จาก City University London ประเทศอังกฤษ หนังสือ Introduction to Information Science เล่มนี้ แบ่งเนื้อหาเป็น 4 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ ส่วนนำ ส่วนประวัติความเป็นมา แนวคิด และทฤษฎี ส่วนขอบเขตเนื้อหาของสารนิเทศศาสตร์ และส่วนอภิปรายพร้อมภาคผนวก
First Page
85
Last Page
89
Recommended Citation
ศรีบริสุทธิ์สกุล, สมศักดิ์
(2012)
"บทวิจารณ์หนังสือ (Book Review) เรื่อง: Introduction to information Science By David Bawden and Lyn Robinson วิจารณ์โดย สมศักดิ์ ศรีบริสุทธิ์สกุล,"
วารสารบรรณารักษศาสตร์ (Library Science Journal): Vol. 32:
Iss.
2, Article 5.
Available at:
https://digital.car.chula.ac.th/lsj/vol32/iss2/5