Chulalongkorn University Dental Journal
Publication Date
2014-09-01
Abstract
วัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบกําลังแรงยึดแบบเฉือนของแบร์กเกตโลหะ และดัชนีส่วนเหลือสารยึดติดเมื่อฉายแสงบ่มด้วยเครื่องฉายแสงแอลอีดีที่มีความเข้มแสงแตกต่างกัน 2 ชนิด วัสดุและวิธีการ ฟันกรามน้อยซี่ที่หนึ่ง 60 ซี่ที่ถอนจากผู้ป่วยจัดฟันจํานวน 30 คน (ด้านซ้าย 1 และด้านขวา 1 ปี ต่อผู้ป่วย 1 คน) สุ่มฟันกรามน้อยซี่ที่หนึ่ง 1 จากผู้ป่วยแต่ละคนเป็นกลุ่มที่ 1 และฟันกรามน้อยซี่ที่หนึ่งที่ เหลือเป็นกลุ่มที่ 2 ยึดแบร็กเกตโลหะบนผิวเคลือบฟันที่ถูกฝังในท่อพีวีซี ด้วยวัสดุเรซินยึดติดที่บ่มตัวด้วยแสง ยี่ห้อทรานสบอนด์เอ็กซ์ที โดยฉายแสงตั้งฉากกับฐานแบร์กเกตโลหะด้วยเครื่องฉายแสงแอลอีดีรุ่นวัดเล็กเก้อ ที่มีความเข้มแสง 850 มิลลิวัตต์/ตารางเซนติเมตร ในกลุ่มที่ 1 และเครื่องฉายแสงแอลอีดีรุ่นมินิแอลอีดีทรี ที่มี ความเข้มแสง 2,200 มิลลิวัตต์/ตารางเซนติเมตร ในกลุ่มที่ 2 เป็นเวลา 10 และ 3 วินาที ตามลําดับ จากนั้น แช่ฟันในน้ํากลั่นอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 24 ชั่วโมง แล้วทดสอบกําลังแรงยึดแบบเฉือนด้วยเครื่อง ทดสอบอเนกประสงค์ ความเร็วหัวตัด 0.5 มิลลิเมตร/นาที จนกระทั่งแบร์กเกตหลุด และศึกษาดัชนีส่วนเหลือสาร ยึดติดด้วยกล้องจุลทรรศน์สเตอริโอที่กําลังขยาย 10 เท่า วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติทดสอบที่แบบอิสระและสถิติการ ทดสอบไคสแควร์ตามลําดับ ที่ระดับนัยสําคัญทางสถิติ 0.05 ผลการศึกษา ค่ากําลังแรงยึดแบบเฉือนมีค่า 21.34 + 2.45 และ 19.32 + 1.89 เมกะปาสคาล ในกลุ่มที่ 1 และ 2 ตามลําดับ ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ ค่าดัชนีส่วนเหลือสารยึดติดระหว่าง 2 กลุ่ม มีการกระจายที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ สรุป เครื่องฉายแสงแอลอีดีที่มีความเข้มแสงแตกต่างกัน มีผลอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติต่อกําลังแรงยึดแบบเฉือนของแบร๊กเกตโลหะและดัชนีส่วนเหลือสารยึดติด (ว ทันต จุฬาฯ 2557;37:259-66)
DOI
10.58837/CHULA.CUDJ.37.3.1
First Page
259
Last Page
266
Recommended Citation
สุวรรณวิฑิต, ปรีญา and ศิริชุมพันธ์, จินตนา
(2014)
"การเปรียบเทียบกําลังแรงยึดแบบเฉือนของ แบร๊กเกตโลหะเมื่อฉายแสงบ่มด้วยเครื่องฉายแสงแอลอีดีทีมีความเข้มแสงแตกต่างกัน,"
Chulalongkorn University Dental Journal: Vol. 37:
Iss.
3, Article 1.
DOI: 10.58837/CHULA.CUDJ.37.3.1
Available at:
https://digital.car.chula.ac.th/cudj/vol37/iss3/1