Chulalongkorn University Dental Journal
Publication Date
2008-05-01
Abstract
วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคมและพฤติกรรมสุขภาพของผู้ปกครองต่อสภาวะโรคฟันผุของเด็กอายุ 3 ปี วัสดุและวิธีการ กลุ่มเป้าหมายในการศึกษาเป็นเด็กอายุ 3 ปี ในเขตกรุงเทพมหานครจํานวน 267 คน ซึ่งอยู่ใน สถานเลี้ยงดูเด็กของรัฐหรือของเอกชนในวันเวลาราชการ เด็กแต่ละคนได้รับการตรวจและบันทึกสถานภาพโรคฟันผุโดยใช้ดัชนีฟันผุถอนอุดของฟันน้ํานมตามเกณฑ์การตรวจขององค์การอนามัยโลก ส่วนผู้ปกครองของเด็ก จะตอบแบบสอบถามที่จัดทําขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคม ได้แก่ ลักษณะครอบครัว ระดับการศึกษา ระดับรายได้ และอาชีพหลักของครอบครัว ข้อมูลพฤติกรรมสุขภาพ ได้แก่ ระดับความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากเด็ก จากนั้นทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคมและพฤติกรรมสุขภาพแต่ละตัวแปรกับค่าเฉลี่ยฟันผุถอนอุดคิดเป็นซี่และเป็นด้านต่อคนโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเปียร์สัน และอธิบายความสัมพันธ์ของปัจจัยในภาพรวมที่มีผลต่อสภาวะโรคฟันผุโดย ใช้สถิติการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุแบบเป็นขั้นตอน ผลการศึกษา เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยด้านเศรษฐกิจสังคมของครอบครัว ได้แก่ ลักษณะของครอบครัว ระดับการศึกษา ระดับรายได้ต่อครอบครัว และอาชีพหลักของครอบครัว กับค่าเฉลี่ยฟันผุถอนอุดของเด็กทั้งที่คิด เป็นซี่ต่อคนและด้านต่อคน พบว่ามีนัยสําคัญทางสถิติ (p < 0.05) เกือบทุกปัจจัย ยกเว้นปัจจัยด้านลักษณะ ครอบครัว ส่วนความสัมพันธ์ของปัจจัยด้านพฤติกรรมสุขภาพของผู้ปกครอง ได้แก่ ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติในการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กกับค่าเฉลี่ยฟันผุถอนอุดของเด็ก พบว่ามีนัยสําคัญทางสถิติ (p < 0.05) เกือบทุก ปัจจัยเช่นกัน ยกเว้นปัจจัยด้านทัศนคติกับค่าเฉลี่ยฟันผุถอนอุดคิดเป็นด้านต่อคน สําหรับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ทางเศรษฐกิจ สังคม พบว่ามีเฉพาะปัจจัยด้านระดับการศึกษา ระดับรายได้ต่อครอบครัว และอาชีพหลักของ ครอบครัวที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพของผู้ปกครองอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p < 0.05) ส่วนผลการ วิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุแบบเป็นขั้นตอน พบว่าปัจจัยพฤติกรรมด้านความรู้ของผู้ปกครองในการดูแลสุขภาพ ช่องปากเด็กร่วมกับระดับรายได้ต่อครอบครัว สามารถอธิบายความแปรปรวนของค่าเฉลี่ยฟันผุถอนอุดได้ดีกว่า ปัจจัยพฤติกรรมด้านความรู้เพียงอย่างเดียวอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p < 0.01) โดยมีความสามารถในการ อธิบายคิดเป็นร้อยละ 9.5 (R = 0.095) สรุป ความรู้ของผู้ปกครองในการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กมีอิทธิพลเป็นปฏิภาคผูกผันกันกับการเกิดโรคฟันผุของเด็ก และหากผู้ปกครองมีระดับรายได้ที่สูงร่วมด้วย จะมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้น (ว ทันต จุฬาฯ 2551;31:261-72)
DOI
10.58837/CHULA.CUDJ.31.2.13
First Page
261
Last Page
272
Recommended Citation
อรรถวานิช, ปรียา; ปัญญางาม, ยุทธนา; and ปัญญางาม, ระวีวรรณ
(2008)
"ความสัมพันธ์ของปัจจัยด้านเศรษฐกิจสังคมและพฤติกรรมสุขภาพของผู้ปกครองต่อสภาวะโรคฟันผุเด็กอายุ 3 ปี กลุ่มหนึ่งในเขตกรุงเทพมหานคร,"
Chulalongkorn University Dental Journal: Vol. 31:
Iss.
2, Article 13.
DOI: 10.58837/CHULA.CUDJ.31.2.13
Available at:
https://digital.car.chula.ac.th/cudj/vol31/iss2/13