Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยบริบทในการทำงาน กับการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจของพยาบาลวิชาชีพ หอผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลศูนย์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Relationships between working contextual factors and psychological empowerment of professional nurses in intensive care unit, regional hospital and medical centers

Year (A.D.)

2002

Document Type

Thesis

First Advisor

ประนอม รอดคำดี

Faculty/College

Faculty of Nursing (คณะพยาบาลศาสตร์)

Degree Name

พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การบริหารการพยาบาล

DOI

10.58837/CHULA.THE.2002.559

Abstract

การวิจัยครั้งนี้เป็นวิจัยเชิงบรรยาย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค่าเฉลี่ย ปัจจัยบริบทในการทำงาน ได้แก่ การติดต่อสื่อสารของหัวหน้าหอผู้ป่วย สัมพันธภาพเชิงช่วยเหลือและไว้วางใจ การทำงานเป็นทีม และการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานที่มีคุณภาพ กับการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจ และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยบริบทในการทำงานกับการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจ ของพยาบาลวิชาชีพ หอผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลศูนย์ กลุ่มตัวอย่าง คือ พยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการในหอผู้ป่วยวิกฤต ได้จากการสุ่มแบบ หลายขั้นตอน จำนวน 302 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามปัจจัยบริบทในการทำงานสร้างตามแนวคิดของ Siegall and Gardner (2000) และแบบสอบถามการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจ สร้างตามแนวคิดของ Spreitzer (1995) ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา และวิเคราะห์ หาค่าความเที่ยงด้วยการหาค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาค เท่ากับ .91, .95, .96, .90, และ.96 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้1. ปัจจัยบริบทในการทำงาน ได้แก่ การติดต่อสื่อสารของหัวหน้าหอผู้ป่วย สัมพันธภาพเชิงช่วยเหลือและไว้วางใจ การทำงานเป็นทีม และการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานที่มีคุณภาพ ของพยาบาลวิชาชีพหอผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลศูนย์ อยู่ในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย = 4.05, 3.74, 4.09 และ 4.26 ตามลำดับ) 2. การเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจ ของพยาบาลวิชาชีพ หอผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลศูนย์ อยู่ในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย = 4.28) 3. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยบริบทในการทำงาน ได้แก่ การติดต่อสื่อสารของหัวหน้าหอผู้ป่วย สัมพันธภาพเชิงช่วยเหลือและไว้วางใจ การทำงานเป็นทีม และการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานที่มีคุณภาพ กับการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านจิตใจของพยาบาลวิชาชีพ หอผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลศูนย์ อยู่ในระดับ ปานกลาง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r = .47, .42, .44 และ .45 ตามลำดับ)

Other Abstract (Other language abstract of ETD)

The purposes of this research were to study contextual factors; communication with head nurse, helping-trust relationship, teamwork, concern for quality activity and psychological empowerment and the correlation between working contextual factors and psychological empowerment of professional nurses in intensive care unit, regional hospital and medical centers. The sample consisted of 302 staff nurses, selected by Multi-stage sampling technique. Research instruments were working contextual factors questionnaire and psychological empowerment questionnaire, developed by the researcher based on Siegall and Gardner (2000) and Spreitzer (1995) respectively. The reliability of questionnaires were .91, .95, .96, .90 and .96 respectively. The data were analyzed to determine mean, standard deviation and Pearson's product moment correlation. Major findings were as follows : 1. Contextual factors; communication with head nurse, helping-trust relationship, teamwork and concern for quality activity of professional nursesin intensive care unit were at high level, (x = 4.05, 3.74, 4.09 and 4.26 ).2. Psychological empowerment of professional nurses in intensive care unit were at high level, (x = 4.28).3. Contextual factors; communication with head nurse, helping-trust relationship, teamwork and concern for quality activity score were significantly and moderately correlated with the overall psychological empowerment at the .05 level (r =.47, .42, .44 and .45).

Link to Full Text

Share

COinS