Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Health problems and needs of personnel in the State Railway of Thailand

Year (A.D.)

1988

Document Type

Thesis

First Advisor

พัชรา กาญจนารัณย์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สุขศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1988.351

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพ และเพื่อเปรียบเทียบปัญหาและความต้องการ เกี่ยวกับสุขภาพของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามตัวแปรลักษณะงาน ตัวอย่างประชากร ได้แก่ พนักงานฝ่ายการเดินรถ จำนวน 674 คน แบ่งเป็น พนักงานขบวนรถ 303 คน และพนักงานภาคพื้นดิน จำนวน 371 คน สุ่มตัวอย่างประชากรด้วยวิธีสุ่มแบบง่าย ผู้วิจัยได้สร้างแบบสอบถามขึ้นเอง เก็บข้อมูลด้วยตนเองและฝ่ายการเดินรถเก็บข้อมูลให้บางส่วน ได้รับแบบสอบถามกลับคืนมา 674 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 100 ผู้วิจัยนแบบสอบถามมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบค่า 'ที' (t-test) ผลการวิจัยมีดังนี้ 1. ปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพ พบว่าพนักงานมีปัญหาและมีความต้องการเกี่ยวกับการจัดบริการ สุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมและความรู้ทางสุขภาพในระดับมาก 2. การเปรียบเทียบปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพ พบว่า พนักงานขบวนรถและพนักงานภาคพื้นดิน มีปัญหาและมีความต้องการเกี่ยวกับการจัดบริการ สุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมและความรู้ทางสุขภาพไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ. 05|การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการสอนทักษะการเขียนภาษาอังกฤษตามการรับรู้ของครู ภาษาอังกฤษระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในด้านการตั้งจุดประสงค์ในการสอนทักษะการเขียน แนวคิด ขั้นตอน และการจัดกิจกรรมในการสอนทักษะการเขียน การจัดสื่อการเรียนการสอน และการตรวจงานเขียน โดยใช้ แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น กลุ่มตัวอย่างประชากรคือครูภาษาอังกฤษระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 297 คน จากโรงเรียนมัธยมศึกษา อังกัดกรมสามัญศึกษา กรุงเทพมหานคร จำนวน 27 โรง ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้ 1. ในด้านการตั้งจุดประสงค์ในการสอนทักษะการเขียน ครูโดยเฉลี่ยตั้งจุดประสงค์ว่า ให้นักเรียนสามารถบรรยายภาพได้ เติมข้อความหรึอบทสนทนาได้ เขียนตามคำบอกได้ และเรียงประโยคเป็นข้อความได้ 2. ในด้านแนวคิด ขั้นตอน และการจัดกิจกรรมในการสอนทักษะการเขียน ครูโดยเฉลี่ยเน้น ความถูกต้องทางความรู้ภาษาอังกฤษและการสื่อความหมาย และดำเนินการเรียนการสอนโดยแจ้งจุดประสงค์ ให้นัก เรียนทราบก่อนลงมือสอน และให้นักเรียนต่างคนต่างเขียน กิจกรรมการสอนทักษะการเขียนที่จัดบ่อย ได้แก่ การคัดลอกข้อความ การแทนคำ การหาคำที่มีความหมายคล้ายคลึงหรือตรงกันข้าม การเปลี่ยนรูปประโยค การเชื่อมประโยค การเติมคำหรือสำนวนที่เรียนมาแล้วลงในช่องว่าง การเขียมตามคำบอกโดย การเติมคำหรือข้อความลงในข้องว่าง การเขียนเรียงความโดยการเติมคำหรือข้อความลงในข้องว่าง และการจัดลำดับประโยค เป็นความเรียงที่มีเหตุการณ์ต่อเนื่อง 3. ในด้านการจัดสื่อการเรียนการสอนทักษะการเขียน ครูโดยเฉลี่ยใช้หนังสือแบบเรียนพจนานุกรม กระดานดำและชอล์ค วิทยุหรือเทป รูปภาพหรีอการ์ตูน บัตรคำหรือบัตรประโยค ของจริงและของตัวอย่าง และเลือกใช้ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ของบทเรียน อายุ สติปัญญา แสะประสบการณ์ของนักเรียน และไม่เสียเวลาในการใช้มากเกินไป การใช้สื่อการเรียนการสอนครูจะเป็นผู้สาธิตและให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการใช้ ตลอดจนมีการวัดผลการใช้ด้วย และครูส่วนใหญ่จะช่วยกันผลิตสื่อการเรียนการสอนหรือจัดหากันมาเอง 4. ในด้านการตรวจงานเขียน ครูโดยเฉลี่ยแก้ไขข้อบกพร่องในการเขียนให้นักเรียนเองทั้งหมด โดยพิจารณาที่ตำแหน่งฃองคำในประโยคหรือโครงสร้างประโยค การสะกดคำ การใช้กาล ความสอดคล้อง ของหลัก เอกพจน์และพหูพจน์ การเรียงลำดับความคิดอย่างสมเหตุสมผล ความชัดเจนในการสื่อความหมายและความยาวของเรื่องที่เขียน และให้คะแนนตั้งแต่งานร่างฉบับแรก

Share

COinS