Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถทางสมองเบื้องต้นด้านมิติสัมพันธ์ ด้านเหตุผลเชิงนามธรรม กับความถนัดทางศิลปะของนักศึกษาวิชาเอกศิลปศึกษา ชั้นปีที่ 3 สหวิทยาลัยรัตนโกสินทร์
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Relationships between primary mental ability in space relation,abstract reasoning and artistic aptitude of third year art education students in rattanakosin rnited collehes
Year (A.D.)
1988
Document Type
Thesis
First Advisor
สุลักษณ์ ศรีบุรี
Second Advisor
สุวัฒนา สุวรรณเขตนิคม
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ศิลปศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1988.344
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถทางสมองทานมิติสัมพันธ์ด้านเหตุผลเชิงนามธรรม กับความถนัดทางศิลปะ ของนักศึกษาวิชาเอกศิลปศึกษาชั้นปีที่ 3 สหวิทยาลัยรัตนโกสินทร์ และศึกษาเปรียบเทียบความสัมพันธ์ดังกล่าวระหว่างกลุ่มนักศึกษาชาย และนักศึกษาหญิง กลุ่มประชากรเป็นนักศึกษาวิชาเอกศิลปศึกษา ชั้นปีที่ 3 สหวิทยาลัยรัตนโกสินทร์ ปีการศึกษา 2530 จำนวน 55 คน เป็นนักศึกษาชาย 29 คน นักศึกษาหญิง 26 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบทดสอบความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ แบบทดสอบความสามารถด้านเหตุผลเชิงนามธรรม แบบทดสอบความถนัดทางศิลปะ ผู้วิจัยทำการทดสอบกลุ่มประชากรด้วยตนเอง แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า 1. ความสามารถทางสมองเบื้องต้นด้านมิติสัมพันธ์ มีความสัมพันธ์ในทางบวกระดับต่ำกับความถนัดทางศิลปะ มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ เท่ากับ .18 2. ความสามารถทางสมองเบื้องต้นด้านเหตุผลเชิงนามธรรม มีความสัมพันธ์ในทางบวกระดับต่ำกับความถนัดทางศิลปะ มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ เท่ากับ .24 3. กลุ่มนักศึกษาชาย และกลุ่มนักศึกษาหญิง มีความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ กับความถนัดทางศิลปะใกล้เคียงกัน มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ .09 และ. 05 ตามลำดับ 4. กลุ่มนักศึกษาชาย และกลุ่มนักศึกษาหญิง มีความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนความสามารถด้านเหตุผลเชิงนามธรรม กับความถนัดทางศิลปะ เป็นไปในทางบวกเหมือนกัน มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ .29 และ .06 ตามลำดับ 5. กลุ่มประชากรมีความสามารถในด้านมิติสัมพันธ์ และด้านเหตุผลเชิงนามธรรมค่อนข้างดี มีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละจากคะแนนเต็มเท่ากับ 75.05 และ 78.08 ตามลำดับและมีความถนัดทางศิลปะในระดับปานกลาง มีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละจากคะแนนเต็ม เท่ากับ 57.70 และยังพบว่ากลุ่มประชากรมีความถนัดทางศิลปะใกล้เคียงกัน โดยมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 4.52
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
เกียรตินาคินทร์, ศักดิ์ชัย, "ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถทางสมองเบื้องต้นด้านมิติสัมพันธ์ ด้านเหตุผลเชิงนามธรรม กับความถนัดทางศิลปะของนักศึกษาวิชาเอกศิลปศึกษา ชั้นปีที่ 3 สหวิทยาลัยรัตนโกสินทร์" (1988). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 45282.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/45282