Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การหาปริมาณความเข้มข้นของแมงกานีสในอากาศโดยเทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Determination of manganese concentration in air using x-ray fluorescence technigre

Year (A.D.)

1988

Document Type

Thesis

First Advisor

ธัชชัย สุมิตร

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

นิวเคลียร์เทคโนโลยี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1988.595

Abstract

การหาปริมาณความเข้มข้นของแมงกานีสในอากาศโดยเทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์ โดยใช้หัวรัด HPGe ORTEC MODEL GLP-06165 และ MCA CANBERRA SERIES-40 พบว่าเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์โดยใช้ต้นกำเนิดรังสีปฐมภูมิชนิด Pu-238 1.11 GBq (30 mCi) An-241 1.11 GBq (30 mC1) และ Cd-109 (0.74 GBq (20 mCi) คือ ใช้ระยะห่างระหว่างต้นกำเนิดรังสีกับตัวอย่างเท่ากับ 7 มม. 7 มม. และ 5มม. ตามลำดับ เมื่อใช้เวลาในการวิเคราะห์ตัวอย่าง 2000 วินาที พบว่าค่าต่ำสุดของแมงกานีสบนกระดาษกรองชนิดเมมเบรนที่วิเคราะห์ได้มีค่าประมาณ 50 ไมโครกรัม โดยมีความเบี่ยงเบนของข้อมูล 0.813% 0.859% และ 0.900% ตามลำดับ แต่ถ้าใช้กระดาษกรองชนิดเซลลูโลส (Whatman เบอร์ 42) จะวิเคราะห์ค่าต่ำสุดได้ประมาณ 100 ไมโครกรัมโดยมีความเบียงเบนของข้อมูล 0.645% 0.508% และ 0.975% ตามลำดับ และสรุปได้ว่าต้นกำเนิดรังสีปฐมภูมิชนิด Pu-238 มีความเหมาะสมมากที่สุด ผลการเปรียบเทียบการวิเคราะห์ตัวอย่างโดยเทคนิคการเรืองรังสีเอกทั้งระบบ EDX และระบบ WDX นั้นให้ผลทัดเทียมกัน โดยมีระดับนัยสำคัญ 0.01 แต่ระบบ WDX จะวิเคราะห์ปริมาณแมงกานีสได้ต่ำกว่า คือประมาณ 10 ไมโครกรัม และเมื่อเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์ตัวอย่างระหว่างเทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์กับวิธีอะตอมมิคแอบสอร์ปชันสเปคโตรโฟโตเมตรี ให้ผลทัดเทียมกัน จากการออกเก็บตัวอย่างอากาศในโรงงานถ่านไฟฉายนั้น สามารถตรวจพบค่าความเข้มข้นของแมงกานีสโดยเทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์ระบบ EDX อยู่ในช่วงตั้งแต่ 0.04 ถึง 47.50 มก./ลบ.ม.

Share

COinS