Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาเปรียบเทียบผลของวิธีวิเคราะห์ความลำเอียง ของข้อสอบทีแตกต่างกัน 4 วิธี

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Comparative study of results from four different item bias detection approaches

Year (A.D.)

1988

Document Type

Thesis

First Advisor

ชูศักดิ์ ขัมภลิขิต

Second Advisor

สวัสดิ์ ประทุมราช

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาเอก

Degree Discipline

การวัดและประเมินผลการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1988.62

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาดัชนีความลำเอียงของข้อสอบ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่าง วิธีวิเคราะห์ความลำเอียงของข้อสอบ 4 วิธี และเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของผลการคัดเลือกก่อน และหลังการศึกษาความลำเอียงของข้อสอบในด้านจำนวนผู้ได้รับการคัดเลือก สัดส่วนของชาย: หญิง ที่ได้รับ การคัดเลือก และความเที่ยงของแบบสอบ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. วิธีวิเคราะห์ความลำเอียงแต่ละวิธีค้นพบจำนวนข้อที่ลำเอียงแตกต่างกัน โดยวิธีโค้งลักษณะข้อสอบที่มีพารามิเตอร์ 3 ตัวพบจำนวนข้อสอบที่ลำเอียงมากที่สุด รองลงมาได้แก่ วิธีวิเคราะห์ความแปรปรวน ส่วนวิธีแปลงค่าความยากของข้อสอบเป็นวิธีที่พบจำนวนข้อที่ลำเอียงน้อยที่สุด 2. วิธีวิเคราะห์ความลำเอียงทั้ง 4 วิธีมีความสัมพันธ์ในทางบวกซึ่งกันและกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 โดยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของดัชนีความลำเอียงระหว่างวิธีวิเคราะห์ทั้ง 4 วิธี มีค่าสูงมาก กล่าวคือมีค่า r อยู่ระหว่าง .7535 ถึง .9921 3. วิธีคะแนนดิบกับวิธีรวมคะแนนแบบอื่น ๆ อีก 5 วิธี มีจำนวนผู้ได้รับการคัดเลือกแตกต่าง กันประมาณ 4% ถึง 24% ส่วนวิธีแปลงคะแนนดิบเป็นคะแนนมาตรฐานที่ปกติกับวิธีรวมคะแนนแบบอื่น ๆ อีก 4 วิธี มีจำนวนผู้ได้รับการคัดเลือกแตกต่างกันประมาณ 6% ถึง 23% 4. หลังจากตัดข้อสอบข้อที่มีความสำเอียงในแต่ละวิธีวิเคราะห์ออกไป พบว่าสัดส่วนของผู้สอบหญิงที่ได้รับการคัดเลือกมีค่าใกล้เคียงกับสัดส่วนของผู้สอบชาย ส่วนในเรื่องความเที่ยงของแบบสอบนั้นพบว่า ค่าความเที่ยงของแบบสอบลดลงกว่าแบบสอบเดิมเล็กน้อย

Share

COinS