Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาลักษณะการใช้ยาเซฟาโลสปอรินส์รุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Drug use pattern of second and third generation ce[halosporins in Chulalongkorn Hospital

Year (A.D.)

1988

Document Type

Thesis

First Advisor

มณฑิรา ตัณฑ์เกยูร

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

เภสัชวิทยา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1988.28

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงลักษณะการใช้ยาเศฟาโลสปอรินส์รุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 ในผู้ป่วยในของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ระหว่างปี พ.ศ. 2525-2527 โดยแบ่งงานวิจัยออกเป็น 5 ขั้นตอน คือ 1. การศึกษาแนวโน้มการจ่ายยาจากบัตรคงคลังและประวัติการนำเสนอเข้าเภสัชตำรับของโรงพยาบาล 2. การตั้งเกณฑ์พิจารณาความเหมาะสมในการใช้ยาและการศึกษาลักษณะการใช้ยา 3. พิจารณาความเหมาะสมในการใช้ยา 4. การศึกษาเกี่ยวกับมูลค่ายาจากบันทึกการรักษา 5. สรุปผลการวิจัยโดยใช้สถิติเชิงพรรณาและการทดสอบไคร์สแควร์ ในขั้นตอนที่ 1 ได้ทำการศึกษาทั้งมูลค่ายาและจำนวนหน่วยการใช้ พบว่าปริมาณการใช้ยาเศฟาโลสปอรินส์เพิ่มขึ้นในระหว่างปีงบประมาณ 2524-2527 โดยมูลค่ายาจะเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดกว่าจำนวนหน่วยการใช้ ในปีงบประมาณ 2527 มูลค่าการใช้ยาเศฟาโลสปอรินส์เพิ่มขึ้น เป็นร้อยละ 50.74 ของมูลค่าการใช้ยาต้านจุลชีพชนิดฉีดทั้งหมดจนกลายเป็นกลุ่มยาที่มีมูลค่าการใช้สูงสุด อย่างไรก็ตามกลุ่มยาที่มีจำนวนหน่วยการใช้มากยังคงเป็นกลุ่มเพนนิซิลลินและกลุ่มอมิโนกลัยโคไซด์อยู่ จากผู้ที่ได้รับยาเศฟาโลสปอรินส์รุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 จำนวน 513 ราย ได้ทำการศึกษาข้อมูลการใช้ยาจากบันทึกการรักษาจำนวน 326 รายซึ่งมีการใช้ยา 396 ช่วงการใช้ยา เป็นการใช้ในแผนกศัลยกรรมมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 66.16 เมื่อแบ่งตามวัตถุประสงค์การใช้พบว่ามีการใช้ยานี้เพื่อการรักษาการติดเชื้อมากกว่าเพื่อการป้องกันการติดเชื้อระหว่างผ่าตัด ในกรณีเพื่อป้องกันการติดเชื้อระหว่างผ่าตัดจะมีการใช้ยานี้มาก โดยแพทย์แผนกศัลยกรรมกระดูกและมีการใช้เศฟาแมนโดลในการผ่าตัดเกี่ยวกับกระดูกและข้อมากที่สุด ส่วนการใช้ยานี้ในวัตถุประสงค์เพื่อการรักษาจะเน้นหนักไปในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการหนัก Immunocompromised Host ในรายที่มีการตอบสนองต่อยาที่กำลังได้รับอยู่ไม่ดีพอ การติดเชื้อในโรงพยาบาลและการติดเชื้อจากเชื้อแกรมลบทรงแท่ง ในการวิเคราะห์ความเหมาะสมจะพิจารณาเปรียบเทียบเกณฑ์ซึ่งรวบรวมจากเอกสารทางวิชาการแพทย์และแบบสอบถามที่ได้รับคืนจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคติดเชื้อ จากการศึกษามีกลุ่มที่ใช้ยาอย่างเหมาะสมร้อยละ 55.47 เมื่อแยกตามวัตถุประสงค์การใช้ในกรณีเพื่อป้องกันการติดเชื้อจะมีกลุ่มที่ใช้ยาอย่างเหมาะสมน้อยกว่าในกรณีเพื่อการรักษา และพบว่าผู้ใช้ยาอย่างเหมาะสมมีจำนวนลดลงเมื่อเปรียบเทียบระหว่างปี ในการใช้เพื่อป้องกันพบว่ามีจำนวนกลุ่มที่ใช้ยาอย่างเหมาะสมแตกต่างกัน ระหว่างแผนกผู้สั่งจ่ายยาเหตุผลของการใช้อย่างไม่เหมาะสมเกิดจากใช้ยาในขอบ่งใช้ที่สามารถทดแทนได้ด้วยยาอื่นที่มีราคาต่ำกว่า และการใช้ยาเศฟาโลสปอรินส์รุ่นที่ 3 เพื่อป้องกันการติดเชื้อระหว่างผ่าตัด การศึกษาเกี่ยวกับมูลค่ายาพบว่ากลุ่มผู้ป่วยที่มีมูลค่ายาที่ใช้ต่อ 1 ช่วงการใช้ยาเกินกว่า 10,000 บาทส่วนมากจะเป็นผู้ที่ได้รับมอกซาแลคแหมเพื่อรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแกรมลบทรงแท่ง ส่วนการศึกษาด้านความประหยัดเศรษฐกิจเมื่อมีการใช้ยาอย่างเหมาะสมในกรณีเพื่อป้องกันการติดเชื้อพบว่ามูลค่ายาที่ใช้ทั้งหมดจะลดลงร้อยละ 43, 41 และ 76.25 เมื่อใช้ชนิดยาที่เหมาะสมกว่า และจำกัดเวลาให้ยาฉีดหลังผ่าตัดไม่เกิน 72 และ 24 ชั่วโมงตามลำดับ

Share

COinS