Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาวัฒนธรรมพื้นบ้านในสถาบันอุดมศึกษา

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A study of folklore in institutions of higher education

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

พรชุลี อาชวอำรุง

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

อุดมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.468

Abstract

วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาหลักสูตรและสำรวจรายวิชาที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นบ้านที่ปรากฏอยู่ในเอกสารหลักสูตรของสถาบันอุดมศึกษา 2. เพื่อเปรียบเทียบจำนวนรายวิชาและหน่วยกิจของวิชาที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมพื้นบ้านที่ปรากฏอยู่ในหลักสูตร ในส่วนที่เป็นวิชาพื้นฐานและวิชาเอก 3. เพื่อสำรวจการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นบ้านและความคิดเห็นของนิสิตนักศึกษาต่อการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมพื้นบ้านในสถาบันอุดมศึกษา วิธีดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยได้ใช้การวิจัยเชิงบรรยาย โดยใช้แหล่งข้อมูลจากเอกสารหลักสูตร และการตอบแบบสอบถามของนิสิตนักศึกษา ปีสุดท้ายในปีการศึกษา 2528 จากสถาบันอุดมศึกษาจำกัดรับ 11 สถาบัน ข้อมูล 3,388 คน แบบสอบถามประกอบด้วย 2 ตอน ได้แก่ 1. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมพื้นบ้าน 2. ความคิดเห็นต่อการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมพื้นบ้าน ผลการวิจัย สถาบันอุดมศึกษาที่เปิดสอนทางสายสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ จะมีรายวิชาพื้นฐานทางวัฒนธรรมมากกว่า สถาบันอุดมศึกษาที่เปิดสอนทางสายวิทยาศาสตร์อย่างเห็นได้ชัดเจน ส่วนผลการเปรียบเทียบระหว่างสถาบันในเรื่องรายวิชาเอกนั้นพบความแตกต่างกันอย่างมากกล่าวคือ สถาบันที่สอนสายวิทยาศาสตร์เพียงด้านเดียวไม่มีวิชาเอกที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมพื้นบ้าน ส่วนสถาบันที่เปิดสอนทางสายสังคมศาสตร์เพียงด้านเดียวจะมีวิชาเอกที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมพื้นบ้านมาก และสถาบันที่เปิดสอนทั้งสองสายในสถาบันเดียวกัน คณะที่เกี่ยวกับสังคมศาสตร์หรือมนุษยศาสตร์ มีวิชาเอกที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมพื้นบ้านและมีเนื้อหาครบทั้ง 3 ประเภทของวัฒนธรรมพื้นบ้าน สำหรับข้อเท็จจริงของการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมพื้นบ้านนั้น สถาบันสอนทางสายวิทยาศาสตร์ มีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมพื้นบ้านน้อยกว่าสถาบันที่เปิดสอนทางสังคมศาสตร์ โดยเฉพาะสถาบันที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคและมีวิทยาเขตมากกว่า 1 แห่ง มีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมพื้นบ้านมากกว่าสถาบันที่ตั้งอยู่ในส่วนกลาง และการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมพื้นบ้านนั้นทุกสถาบันมีความเป็นพ้องต้องกันหมด ได้แก่กิจกรรมทางวัฒนธรรมทั้งหลาย สร้างให้คนรักหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรมและร่วมมือกันอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบไป นิสิตนักศึกษาจึงนิยมการจัดกิจกรรมส่งเสริมประเพณีตามเทศกาลอยู่เป็นประจำ แต่ยังเห็นว่ากิจกรรมต่างๆ นั้น ยังไม่สมบูรณ์เหมาะสมตามวัฒนธรรมประเพณี ควรให้มีการปรับปรุง ในขณะเดียวกันเมื่อมีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมประเพณีจะมีนิสิตนักศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมากทุกสถาบัน ซึ่งกิจกรรมต่างๆ นั้นจะมีอาจารย์ผู้สอนร่วมกับนิสิตนักศึกษาเป็นดำเนินการ โดยมีสื่อมวลชนในท้องถิ่นเผยแพร่ข่าวให้ แต่ผู้บริหารของสถาบันนิสิตนักศึกษามีความเห็นว่ายังให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนในกิจกรรมทางด้านนี้น้อย งบประมาณที่ผู้บริหารแบ่งให้กับชุมนุมหรือชมรมเพื่อใช้ในกิจกรรมจึงน้อยตามไปด้วย ความคิดเห็นของนิสิตนักศึกษาต่อการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมพื้นบ้าน พบว่า ก.ทุกสถาบันนิยมการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมพื้นบ้าน มาบรรยายและสาธิต ข.นิสิตนักศึกษาสนใจการสื่อประเภทต่างๆในการเรียนการสอน ค. นิสิตนักศึกษาประสงค์ที่จะได้ไปชมการแสดงหรือการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมพื้นบ้านที่มีการจัดขึ้นนอกสถาบันทั้งที่ดำเนินการโดย ภาครัฐบาล หรือภาคเอกชน ง. นิสิตนักศึกษามีความเห็นว่า ผู้ที่สอนวิชาวัฒนธรรมพื้นบ้านควรจบการศึกษาทางด้านคติชนวิทยา หรือไทยคดีศึกษามาโดยตรง จ. นิสิตนักศึกษา ประสงค์ที่จะให้สถาบันสนับสนุนและเผยแพร่วัฒนธรรมพื้นบ้านให้ออกสู่ชุมชนในขั้นของการปฏิบัติ ฉ.นิสิตนักศึกษาประสงค์ที่จะได้รับประสพการณ์ตรงจากการออกปฏิบัติการในการเก็บข้อมูลภาคสนาม ช. นิสิตนักศึกษาประสงค์ที่จะให้สถาบัน จัดวิชาวัฒนธรรมพื้นบ้านเป็นวิชาบังคับพื้นฐานและเปิดสอนวิชาเอกให้เพิ่มมากขึ้น ซ. เมื่อมีการจัดสัมมนาทางวิชาการเกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นบ้าน นิสิตนักศึกษาประสงค์ ที่จะได้เข้าร่วมฟัง หรือได้รับทราบผลของการประชุมสัมมนา ข้อเสนอแนะ 1. สถาบันอุดมศึกษาที่จะผลิตบัณฑิตออกมารับใช้สังคม ไม่ว่าจะทางสายวิทยาศาสตร์ หรือสายสังคมศาสตร์ ควรให้ทุกคนได้เรียนวิชาพื้นฐานทางวัฒนธรรมพื้นบ้านทุกคณะวิชา 2. ควรจัดรายวิชาเอกวิชาโท ทางวัฒนธรรมพื้นบ้านให้ชัดเจนในสาระ เนื้อหาและปรากฏอยู่ในคณะวิชาที่เหมาะสม 3. ควรจัดรายวิชาวัฒนธรรมพื้นบ้านให้เป็นวิชาเลือกทั่วไปด้วย 4. ควรให้ผู้บริหารในสถาบันสนใจและสนับสนุน การจัดกิจกรรม ตลอดจนงบประมาณและการส่งเสริมให้จัดตั้งชุมนุมหรือชมรม ทางวัฒนธรรมพื้นบ้าน 5. ควรให้นิสิตนักศึกษาที่เรียนวิชาวัฒนธรรมพื้นบ้านได้มีโอกาสพบกับประสพการณ์ตรงในการออกปฏิบัติการภาคสนามเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูล 6. ควรให้นิสิตนักศึกษาได้เรียนวิชาวัฒนธรรมพื้นบ้านจากอาจารย์ที่จบวิชาด้านนี้โดยตรง 7. ควรส่งเสริม ประสานและสนับสนุนให้มีการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันระหว่างสถาบันและภาคเอกชน 8. ควรส่งเสริมและจัดให้มีหอวัฒนธรรมในสถาบันอุดมศึกษา 9. ควรเปิดโอกาสและสร้างโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้ร่วมกันทำงานวิจัยทางสังคมศาสตร์ให้เข้าร่วมประชุมสัมมนาทางวิชาการเกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นบ้านตามโอกาสอันควร

Share

COinS