Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ศึกษาการเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพและพยาธิสภาพของไต หลังได้รับพิษงูแมวเซา ในขนาดพิษและระยะเวลาต่าง ๆ กันในหนูแรท

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Study of the renal function and renal histopathological changes following Russell's viper venom in variation doses and times postenvenomation in the rats

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

บังอร ชมเดช

Second Advisor

เสาวณีย์ เย็นฤดี

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สรีรวิทยา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.645

Abstract

การทดลองนี้ทำขึ้นเพื่อศึกษาผลของพิษงูแมวเซาต่อการเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพและพยาธิของไตโดยใช้หนูแรทเพศผู้ที่โตเต็มที่แล้ว น้ำหนักประมาณ 250-350 กรัม จำนวน 252 ตัว แบ่งหนูแรทออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกกทำการศึกษาทางสมรรถภาพของไต กลุ่มหลังทำการศึกษาทางพยาธิวิทยาของเนื้อเยื่อไต โดยแต่ละกลุ่มแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อย ดังนี้คือกลุ่มย่อยที่ 1 เป็นกลุ่มควบคุมโดยฉีดน้ำเกลือที่ปราศจากเชื้อโรคร้อยละ 0.9 ในขนาด 1 มล./กก.ของน้ำหนักตัว กลุ่มย่อยที่ 2 ฉีดพิษงูแมวเซาขนาด 1 มก./กก.ของน้ำหนักตัว และกลุ่มย่อยที่ 3 ฉีดพิษงูแมวเซาขนาด 2 มก/กก.ของน้ำหนักตัวเข้าทางกล้ามเนื้อต้นขาขวา กลุ่มย่อยที่ 2 และ 3 รวมเรียกว่ากลุ่มทดลอง ทำการศึกษาสมรรถภาพของไตและพยาธิสภาพของเนื้อเยื่อไตที่ 1 3 6 24 72 120 และ 168 ซม. จากการศึกษาพบว่าพิษงูแมวเซาทั้งขนาด 1 และ 2 มก./กก. ของน้ำหนักตัวทำให้หนูแรททุกตัวมีปัสสาวะออกน้อยลงในชม.แรก ประมาณร้อยละ 10 ไม่มีปัสสาวะออก ร้อยละ 60 พบมีฮีโมโกลบินในปัสสาวะภายหลังได้รับพิษ 3 และ 6 ซม. นอกจากนี้หนูแรทร้อยละ 40 ที่ได้รับพิษงูขนาด 2 มก./กก. มีภาวะเลือดออกมากทางจมูกและปากหลังได้รับพิษงูนาน 6 ซม. ส่วนในกลุ่มเวลา 24 72 120 และ 168 ซม. หลังได้รับพิษไม่พบภาวะไม่มีปัสสาวะออกหรือพบฮีโมโกลบินปัสสาวะหรือมีภาวะเลือดออกมากทางจมูกและปาก ในกลุ่มระยะ1-6ซม.หลังได้รับพิษงูพบว่าปริมาณเม็ดเลือดอัดแน่นเพิ่มสูงขึ้นจากกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิตที่ทั้งสองขนาดพิษ หลังจากนั้นจะกลับสู่ปกติหรือต่ำกว่าปกติเล็กน้อย ไปจนสิ้นสุดการทดลอง ความเข้มข้นของโปตัสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ครีอะตินีนและยูเรียไนโตรเจนในพลาสมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งสองขนาดพิษ ส่วนความเข้มข้นของโซเดียมในพลาสมาเพิ่มสูงขึ้นเฉพาะกลุ่มที่ได้รับพิษงูขนาด 2 มก./กก. เท่านั้น และความเข้มข้นของคลอไรด์ในพลาสมาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ค่าเฟรคชั่นของการขับถ่ายอีเล็คโทรลัยท์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่อัตราการกรองของไต อัตราการกรองของอีเล็คโทรลัยท์ อัตราขับถ่ายปัสสาวะและอัตราการขับถ่ายอีเล็คโทรลัยท์ลดลง ค่าเคลียแรนซ์ของครีอะดินีน ยูเรียไนโตรเจน อีเล็กโทรลัยท์และออสโยลาลิคีลดลง ในขณะที่ค่าเลียแรนซ์ของน้ำอิสระเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อัตราส่วนของออสโมลาลิตีในปัสสาวะต่อพลาสมาลดลง ในช่วง 15-20 ซม. หลังให้พิษทั้งสองขนาดพบว่าหนูแรทตายร้อยละ 30 ส่วนหนู ที่รอดชีวิตนั้นพบว่าสมรรถภาพของไตค่อยๆ ดีขึ้น ตลอดการทดลองไม่พบการตายของหนูแรทที่รอดชีวิตหลังจาก 24 ชม.ไปแล้ว การศึกษาทางพยาธิสภาพของไตพบว่าโกลเมอรูไลของกลุ่มควบคุมมีเลือดคั่งเป็นปริมาณเล็กน้อยถึงปานกลาง (1˙-2˙) ในระยะเวลา 1-6 ชม. หลอดฝอยไตมีการเสื่อมสลายชนิดไฮยาไลน์ ดรอบเล็ทและพบแวคคูโอลกระจายเป็นหย่อมๆ เป็นปริมาณเล็กน้อย (1˙) ตลอดการทดลอง การเปลี่ยนแปลงของโกลเมอรูไลของหนูแรทที่ได้รับพิษงูทั้งสองขนาดพิษพบมีเลือดคั่งในโกลเมอรูไลเป็นปริมาณเล็กน้อยถึงปานกลาง (1˙-2˙) เช่นเดียวกับกลุ่มควบคุมแต่ระยะเวลาที่พบและความรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่า กลุ่มที่ได้รับพิษงูขนาด 2 มก./กก.จะมีวามรุนแรงกว่ากลุ่มอื่น ใน 1 ชม.แรกหลังฉีดพิษทั้งสองขนาดพบธร็อมไบในโกลเมอรูไลซึ่งไม่พบในกลุ่มควบคุมและในกลุ่มช่วงระยะเวลาอื่น พบการเสื่อมสลายชนิดไฮยาไลสน์ ครอบเล็ทและเกิดแวคคูโอลกระจายเป็นปริมาณเล็กน้อย (1˙) จนถึงกระจายอยู่มากมายทั่งไป (3˙) ในเซลล์หลอดฝอยไต 24 ชม.หลังฉีดพิษขนาด 1 มก./กก.พบการตายของหลอดฝอยไตแบบเฉียบพลันเกิดขึ้นเป็นหย่อมๆ ปริมาณเล็กน้อย (1˙) และในกลุ่มที่ได้รับพิษ 2 มก./กก. พบเช่นเดียวกันกระจายอยู่ทั่วไป (3˙) และมีการกระจายค่อนข้างอยู่ในหน่วยไตเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มที่ได้รับพิษงูขนาด 2 มก./กก. มีความรุนแรงมากกว่ากลุ่มที่ได้รับพิษขนาด 1 มก./กก. พยาธิสภาพนี้พบในหนูแรทร้อยละ 25 ในแต่ละขนาดพิษ ภายหลัง 24 ชม.ไปแล้วไม่พบลักษณะของการตายของหลอดฝอยไตแบบเฉียบพลันในกลุ่มแรททั้งสองขนาดพิษเลย จากข้อมูลทั้งหมดนี้พอจะสรุปได้ว่าพิษงูแมวเซาทำให้พยาธิสรีรวิทยาของไตเปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน โดยหลักฐานที่ได้จากการทดลองนี้มีแนวโน้มเนื่องจากสาเหตุที่บ่งชี้ไปทางผลของพิษงูต่อระบบไหลเวียนเลือดมากกว่าสาเหตุของพิษงูโดยตรงต่อหลอดฝอยไต และระยะวิกฤตของการนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลันคือระยะ 1-24 ชม. หลังได้รับพิษงู ซึ่งความรุนแรงขึ้นกับขนาดของพิษงูที่ได้รับ ถ้าผ่านพ้นระยะนี้แล้วสมรรถภาพของไตจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติหรือเกือบปกติเช่นเดียวกับพยาธิสภาพของไตที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักและหนูแรทที่รอดชีวิตจากระยะนี้แล้วสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้

Share

COinS