Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina sp.) โดยใช้น้ำเค็มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Cultivation of Kleaw-Thong algae (Spirulina sp.) using saline water from Northeastern Thailand
Year (A.D.)
1989
Document Type
Thesis
First Advisor
เจียมจิตต์ บุญสม
Second Advisor
ยงยุทธ จรรยารักษ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
วิทยาศาสตร์สภาวะแวดล้อม
DOI
10.58837/CHULA.THE.1989.559
Abstract
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อหาแนวทางการใช้น้ำเค็มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทอง โดยศึกษาถึงการเจริญเติบโตของสาหร่ายในอาหารที่มีโซเดียมคลอไรด์ระดับต่าง ๆ และศึกษาถึงความจำเป็นในการเตรียมสาหร่ายเพื่อเลี้ยงในอาหารที่เตรียมจากน้ำเค็มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ติดตามการเจริญเติบโตของสาหร่ายโดยดูจากค่าอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดต่อวัน ผลผลิตและปริมาณคลอโรฟิลล์ที่เพิ่มขึ้นต่อวัน การทดลองครั้งนี้ทำในห้องปฏิบัติการ ผลการศึกษาพบว่า สาหร่ายเกลียวทองสายพันธุ์น้ำจืด TH-S-02 ที่ถูกปรับให้อยู่ในอาหารที่มีโซเดียมคลอไรด์ 10 20 และ 30 กรัมต่อลิตร โดยปรับเพิ่มระดับโซเดียมคลอไรด์ขั้นละ 10 กรัมต่อลิตร ทุก 4 วัน มีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดต่อวัน ไม่แตกต่างกับสาหร่ายที่เลี้ยงในอาหารสูตรควบคุมซึ่งมีโซเดียมคลอไรด์ 1 กรัมต่อลิตร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 90 แต่ถ้าเลี้ยงในอาหารทั้ง 4 สูตร เป็นเวลานานขึ้น พบว่าค่าเฉลี่ยอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดต่อวัน จากการทดลองทั้ง 3 รอบของสาหร่ายที่เลี้ยงในอาหารสูตรที่มีโซเดียมคลอไรด์ 20 และ 30 กรัมต่อลิตร ต่ำกว่าสาหร่ายชุดควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 90 แต่ไม่มีผลต่อค่าผลผลิตและปริมาณคลอโรฟิลล์ เอ ที่เพิ่มขึ้นต่อวัน นอกจากนี้ยังพบว่า trichome และขนาดของเซลล์สาหร่ายจะมีขนาดใหญ่และยาวเพิ่มขึ้นตามระดับโซเดียมคลอไรด์ที่เพิ่มขึ้น เมื่อทดลองนำสาหร่ายที่ปรับให้อยู่ในโซเดียมคลอไรด์ระดับต่าง ๆ มาเลี้ยงในน้ำเค็มจากภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ 3 แห่ง ซึ่งมีค่าคลอรินิตี้แตกต่างกัน พบว่าไม่มีความจำเป็นในการปรับสาหร่ายให้อยู่ในอาหารที่มีโซเดียมคลอไรด์ระดับต่าง ๆ ก่อนนำมาเลี้ยงในตัวอย่างน้ำทั้ง 3 แห่ง การศึกษาการเจริญเติบโตของสาหร่ายในน้ำเค็มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 3 แห่งซึ่งมีระดับคลอรินิตี้ 3 ระดับ คือ 3.8 12.3 และ 1.0 กรัมต่อลิตร หากพิจารณาจากอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดและผลผลิตของสาหร่ายไม่สามารถให้ผลที่ชัดเจนได้ แต่สำหรับปริมาณคลอโรฟิลล์ เอ ที่เพิ่มขึ้นต่อวันพบว่าสาหร่ายที่เจริญในตัวอย่างน้ำที่ 1 และ 2 ดีกว่าในตัวอย่างน้ำที่ 3 ปัญหาสำคัญในการใช้น้ำเค็มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทองคือ ความกระด้างซึ่งตกตะกอนกับคาร์บอเนต และฟอสเฟต ในอาหารเกิดเป็นตะกอนขุ่นขาว ทำให้การเจริญเติบโตของสาหร่ายลดลง และสาหร่ายไม่สามารถใช้ประโยชน์จากธาตุอาหารบางอย่างได้อย่างเต็มที่วิธีการลดความกระด้างโดยใช้ปูนโซดาเย็นที่มากเกินพอ ในการทดลองครั้งนี้ ช่วยลดปัญหาการเกิดตะกอนได้ แต่ไม่สะดวกในทางปฏิบัติ การลดสารเคมีที่เป็นสาเหตุของการเกิดตะกอน (โซเดียมไบคาร์บอเนตและโพแทสเซียมไฮโดรเจนฟอสเฟต) ให้เหลืออยู่ในระดับที่สาหร่ายยังเจริญเติบโตได้อย่างปกติและไม่ทำให้เกิดตะกอนน่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ควรจะทำการวิจัยต่อไป
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
พินิจค้า, ใจทิพย์, "การเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina sp.) โดยใช้น้ำเค็มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย" (1989). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 42582.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/42582