Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

มโนทัศน์ทางสุขภาพและการดูแลสุขภาพตนเองของครู ที่ทำงานด้านสุขภาพกับครูที่ไม่ได้ทำงานด้านสุขภาพ ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา เขตการศึกษา 1

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Health concepts and self-health care of teachers in health field and teachers in non-health field in secondary schools under the jurisdiction of the department of general education, educational region one

Year (A.D.)

1989

Document Type

Thesis

First Advisor

สุชาติ โสมประยูร

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

พลศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1989.239

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบมโนทัศน์ทางสุขภาพและการดูแลสุขภาพตนเองของครูในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา เขตการศึกษา 1 ตามตัวแปรลักษณะงานและเพศและศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างมโนทัศน์ทางสุขภาพกับการดูแลสุขภาพตนเองของครูที่ทำงานด้านสุขภาพและครูที่ไม่ได้ทำงานด้านสุขภาพ ผู้วิจัยสร้างแบบสอบถามเกี่ยวกับมโนทัศน์ทางสุขภาพและการดูแลสุขภาพตนเองจำนวน 598 ชุด ส่งไปยังตัวอย่างประชากรซึ่งสุ่มแบบแยกประเภท (Stratified Random Sampling) ได้รับแบบสอบถามคืนมา 576 ชุด คิดเป็นร้อยละ 96.32 และนำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า "ที" (t-test) และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ โดยใช้สูตรของเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation Coefficient) ผลการวิจัยพบว่า 1. มโนทัศน์ทางสุขภาพและการดูแลสุขภาพตนเองของครูที่ทำงานด้านสุขภาพกับครูที่ไม่ได้ทำงานด้านสุขภาพ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับดี 2. มโนทัศน์ทางสุขภาพระหว่างครูที่ทำงานด้านสุขภาพกับครูที่ไม่ได้ทำงานด้านสุขภาพโดยเฉลี่ยไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. การดูแลสุขภาพตนเองระหว่างครูที่ทำงานด้านสุขภาพกับครูที่ไม่ได้ทำงานด้านสุขภาพ โดยเฉลี่ยแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยครูที่ทำงานด้านสุขภาพปฏิบัติดีกว่าครูที่ไม่ได้ทำงานด้านสุขภาพ 4. มโนทัศน์ทางสุขภาพระหว่างครูชายกับครูหญิง โดยเฉลี่ยไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5. การดูแลสุขภาพระหว่างครูชายกับครูหญิง โดยเฉลี่ยแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยครูหญิงปฏิบัติดีกว่าครูชาย 6. มโนทัศน์ทางสุขภาพกับการดูแลสุขภาพตนเองของครูโดยส่วนรวมมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 อยู่ในระดับปานกลาง 7. มโนทัศน์ทางสุขภาพกับการดูแลสุขภาพตนเองของครูที่ทำงานด้านสุขภาพมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 อยู่ในระดับปานกลาง 8. มโนทัศน์ทางสุขภาพกับการดูแลสุขภาพตนเองของครูที่ไม่ได้ทำงานด้านสุขภาพมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 อยู่ในระดับต่ำ

Share

COinS