Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การหารายได้ของธนาคารพาณิชย์ไทย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Revenue generation of Thai commercial banks
Year (A.D.)
1989
Document Type
Thesis
First Advisor
ประยูร จินดาประดิษฐ์
Second Advisor
ปิยรัตน์ กฤษณามระ
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
บริหารธุรกิจ
DOI
10.58837/CHULA.THE.1989.424
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาแนวโน้มการหารายได้ของธนาคารพาณิชย์ และเสนอแนวทางในการปรับปรุงกลยุทธ์ ทั้งนี้ โดยมีสมมุติฐานว่ารายได้จากการให้สินเชื่อ ซึ่งเป็นรายได้หลักประมาณ 70-80% ของรายได้ทั้งหมด มีแนวโน้มของอัตราเพิ่มที่ลดลง และรายได้ส่วนที่เหลือคือ รายได้จากการให้บริการและการลงทุนในหลักทรัพย์ มีแนวโน้มของอัตราเพิ่มที่สูงขึ้น ผลจากการวิจัยพบว่า รายได้ในอดีต ตั้งแต่ พ.ศ. 2520-2530 มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้คือ รายได้จากการให้สินเชื่อ มีอัตราเพิ่มที่ชะลอตัวลง และรายได้จากการให้บริการและการลงทุนในหลักทรัพย์ มีอัตราเพิ่มที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และสำหรับการศึกษาถึงแนวโน้มในอนาคต ของการเปลี่ยนแปลงของรายได้ทั้งสองประเภท ตั้งแต่ พ.ศ.2531-2541 ใช้วิธีศึกษาถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อรายได้และพยากรณ์ค่าในอนาคต แล้วนำมาใช้คาดคะเนแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของรายได้ทั้งสองประเภท ตั้งแต่ พ.ศ.2531-2541 ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อรายได้จากการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบได้แก่ ปริมาณการให้สินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมขั้นต่ำ และปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อรายได้จากการให้บริการและการลงทุนในหลักทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ได้แก่ ปริมาณเงินลงทุนในหลักทรัพย์ปริมาณสินค้าส่งออกและนำเข้าและปริมาณเงินฝาก และปัจจัยทั้งหมดที่กล่าว มีผลในทางบวกต่อรายได้ นั่นคือ ถ้าปัจจัยเหล่านั้นมีค่าเพิ่มขึ้น รายได้ก็จะมีค่าสูงขึ้นไปด้วย และจากการนำค่าคาดคะเนของปัจจัยเหล่านั้นในอนาคต ไปใช้ในการคาดคะเนแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของรายได้จากการให้สินเชื่อกับรายได้ จากการให้บริการและการลงทุนในหลักทรัพย์ ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ.2531-2541 พบว่า รายได้จากการให้สินเชื่อมีอัตราเพิ่มที่ช้าลงและรายได้จากการให้บริการและการลงทุนในหลักทรัพย์ มีอัตราเพิ่มที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อความสำเร็จในการหารายได้จากการให้บริการ ธนาคารพาณิชย์ควรปรับปรุงกลยุทธ์ในจุดต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับการหารายได้ดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยการปรับปรุงโครงสร้างองค์การให้เป็นโครงสร้างในลักษณะแบนราบ (Flat organization) โดยมีระดับการบังคับบัญชาน้อยระดับและมีการกระจายอำนาจค่อนข้างมาก ตลอดจนจัดให้มีการประสานงานเป็นอย่างดี นอกจากนี้ต้องมีการสรรหาหรือปรับปรุงบุคลากรให้มีคุณภาพ เพื่อสามารถให้บริการที่สร้างความพอใจให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดี สำหรับกลยุทธ์ในด้านการตลาด ประกอบด้วยการพัฒนาบริการใหม่ เช่น ทางด้านวาณิชธนกิจ (Merchant banking or investment banking) การให้บริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic banking) และผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ ๆ (Financial innovations) เช่น เครื่องมือที่ใช้ประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรืออัตราดอกเบี้ย การแปลงทรัพย์สินเป็นตราสารการเงินเพื่อนำออกขาย (Securitization) เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดในการหารายได้จากการให้บริการต่าง ๆ มากขึ้น ในการนำบริการออกสู่ตลาด ปัจจัยสำคัญที่ควรใช้ในการกำหนดค่าธรรมเนียมในการให้บริการคือ คุณค่าของบริการนั้น ๆ ในสายตาของผู้ใช้บริการ สำหรับการนำบริการออกสู่ลูกค้านั้น ธนาคารอาจใช้เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์และการสื่อสารที่พัฒนาไปมากเข้ามาช่วย โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของการลงทุนในข่ายงานสื่อสาร (Network) และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ด้วย สำหรับการส่งเสริมบริการธนาคาร ควรกระทำให้ถึงตัวลูกค้าโดยตรง ยกเว้นบริการที่ไม่สลับซับซ้อน และต้องการให้เข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก อาจใช้วิธีโฆษณาทางโทรทัศน์ วิทยุหรือนิตยสาร เป็นต้น ทั้งหมดนี้ เป็นกลยุทธ์ที่ธนาคารควรปรับปรุงในการหารายได้จากการให้บริการ เพื่อสร้างความสำเร็จในการหารายได้ดังกล่าวต่อไปในอนาคต
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
จิระพันธุ์วานิช, อัจฉรา, "การหารายได้ของธนาคารพาณิชย์ไทย" (1989). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 42351.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/42351